วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วิชา วัฒนธรรมไทย(Thai Cultural)

นักวิชาการวัฒนธรรมหลายท่านได้ให้คำจำกัดความ คำว่า "วัฒนธรรม" ไว้ดังนี้


1.วัฒนธรรม หมายถึง
มีความหมายครอบคลุมถึงทุกสิ่งทุกอย่างอันเป็นแบบแผนในความคิด และการกระทำที่แสดงออกถึงวิถีชีวิตของมนุษย์ในสังคมของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือสังคมใดสังคมหนึ่ง มนุษย์ได้คิดสร้างระเบียบกฎเกณฑ์วิธีการในการปฏิบัติ การจัดระเบียบตลอดจนความเชื่อ ความนิยม ความรู้ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการควบคุม และใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ (สุพัตรา สุภาพ, 2528)

2.Taylor
กล่าวว่า วัฒนธรรมเป็นส่วนทั้งหมดที่ซับซ้อน ประกอบด้วยความรู้ ความเชื่อ ศิลปะ ศีลธรรม กฎหมาย ประเพณี และความสามารถอื่น ๆ ที่มนุษย์ได้มาในฐานะเป็นสมาชิกของ สังคม

3.Broom และ Zelznick (1969)
อธิบายว่า วัฒนธรรมเป็นมรดกทางสังคมที่ประกอบด้วยความรู้ ความเชื่อ ประเพณี และความชำนิชำนาญที่คนเราได้มาในฐานะที่เป็นสมาชิกของสังคม

4.Bierstedt, Meehan และ Samuelson (1964)
กล่าวว่า วัฒนธรรมคือ ส่วนทั้งหมดอันซับซ้อน ประกอบด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาคิดและทำในฐานะเป็นสมาชิกของสังคม

5.คำว่าวัฒนธรรม
เป็นคำที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤต แปลว่า ธรรม เป็นต้นเหตุให้เจริญ หรือธรรมคือความเจริญมีใช้เป็นหลักฐานทางราชการ ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2543 เรียกว่า พระราช บัญญัติบำรุงวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2543 กับฉบับที่ 2 เมื่อ พุทธศักราช 2485 (สุชีพ ปุญญานุภาพ, 2500)

6.คำว่าวัฒนธรรม
ตามที่กล่าวมาเป็นคำสมาสระหว่างภาษาบาลีกับสันสกฤต เพราะคำว่า วัฒน มาจาก คำบาลีว่า วฑฺฒน ซึ่งแปลว่า เจริญ งอกงามส่วนคำว่า "ธรรม" มาจากภาษาสันสฤตว่า ธรฺม (ใช้ในรูปภาษาไทย-ธรรม) เขียนตาม รูปบาลีล้วน ๆ คือ "วฑฺฒนธมฺม" หมายถึง ความดี ซึ่งหากแปลตามรากศัพท์คือ สภาพ อันเป็นความเจริญงอกงาม หรือลักษณะที่แสดงความเจริญงอกงามนอกจากนี้ คำว่า วัฒนธรรมตรง กับภาษาอังกฤษว่า culture และคำว่า culture นี้มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส โดยฝรั่งเศสเองเอามาจากภาษาละติน คือ cultura อีกต่อหนึ่ง

7.Encyclopedia of Social Science
ในหนังสือ Encyclopedia of Social Science หน้า 621 ได้อธิบายคำว่า วัฒนธรรม (Culture) ว่า เป็นคำที่ใช้ในวิชามานุษยวิทยาสมัยใหม่ (Modern Anthropology) และในทางด้านสังคมศาสตร์ (Social Sciences) หมายถึง มรดกของสังคม (Social Heritage) เป็นลักษณะเฉพาะในการดำรงชีวิต ของกลุ่มคนที่มาอยู่ร่วมกัน และได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เจริญตามยุคสมัย (อ้างใน สุพัตรา สุภาพ, 2528)

8.วัฒนธรรมในภาษาไทย
ส่วนความหมายของวัฒนธรรมในภาษาไทยนั้น ตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช 2485 ได้ให้ความหมายไว้ดังต่อไปนี้
"วัฒนธรรม" หมายถึง ลักษณะที่แสดงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบ ความกลมเกลียว ก้าวหน้าของชาติและศีลธรรมอันดีงามของประชาชน (เป็นการชี้ชวน เชิญชวน วิงวอนให้ประชาชนร่วมกัน ทำให้เกิดความเจริญงอกงาม ให้มีความดีงามขึ้น ไม่ใช่เพียงแต่รับมรดกกันมา แต่จะต้องรักษาของเดิมที่ดี แก้ไขดัดแปลงของเดิมที่ควรแก้ หรือดัดแปลงวางมาตรฐานความดีความงามขึ้นใหม่ แล้วส่งเสริมให้เป็น ลักษณะที่ดีประจำชาติสืบต่อไปจนถึงอนุชนรุ่นหลัง

9.คำว่า วัฒนธรรม
คำว่า "วัฒนธรรม" ถอดศัพท์มาจาก "culture" ของภาษาอังกฤษ ซึ่งมี รากศัพท์มาจาก "cultura" ในภาษาละติน มีความหมายว่า การเพาะปลูกหรือการปลูกฝัง อธิบายได้ว่ามนุษย์เป็นผู้ปลูกฝังอบรมบ่มนิสัยให้เกิดความเจริญงอกงาม
"วัฒนธรรม" เป็นคำสมาส คือการรวมคำสองคำเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ "วัฒนะ" ซึ่งมีความหมายทั่วไปว่า เจริญงอกงาม รุ่งเรือง "ธรรม" ซึ่งในที่นี้หมายถึง กฎ ระเบียบหรือข้อปฏิบัติ เพราะฉนั้นเมื่อพูดถึงคำว่า "วัฒนธรรม" ในความหมายทั่วไป หมายถึงความเป็นระเบียบ ความมีวินัย เช่นเมื่อพูดถึงบุคคลหนึ่งว่า "เป็นคนมีวัฒนธรรม" ก็มักหมายความว่าเป็นคนมีระเบียบวินัย เป็นต้น

"วัฒนธรรม" เป็นศัพท์ทางวิชาการ (Technical Vocabulary) ซึ่งในทรรศนะของสังคมวิทยา หมายถึง วิถีการดำเนินชีวิต กระสวนแห่งพฤติกรรม และบรรดาผลงานทั้งมวลที่มนุษย์ได้สร้างสรรค์ขึ้น ตลอดจนความคิด ความเชื่อ และความรู้ เป็นต้น

10.พระยาอนุมานราชธน
พระยาอนุมานราชธนได้ อธิบายคำว่า วัฒนธรรม คือ สิ่งที่มนุษย์เปลี่ยนแปลงปรับปรนหรือผลิตขึ้น เพื่อความเจริญงอกงามในวิถีชีวิตมนุษย์ในส่วนรวมที่ถ่ายทอดกันได้เลียนแบบกันได้ เอาอย่างกันได้

11.วัฒนธรรมคือ
สิ่งอันเป็นผลผลิตของส่วนรวมที่มนุษย์ได้เรียนรู้มาจากคนแต่ก่อนสืบต่อเป็นประเพณี กันมา
วัฒนธรรม คือการคิดเห็น ความรู้สึก ความประพฤติและกิริยาอาการ หรือการกระทำใด ๆ ของมนุษย์ ในส่วนรวม ลงรูปเป็นพิมพ์เดียวกันและสำแดงออกมาให้ปรากฏเป็นภาษา ศิลปะ ความเชื่อถือ ระเบียบ ประเพณี เป็นต้น

วัฒนธรรม คือ มรดกแห่งสังคมซึ่งสังคมรับและรักษาไว้ให้เจริญงอกงาม (อานนท์ อาภาภิรม, 2525)

12.วัฒนธรรม ในความหมายทางสังคมวิทยา
"วัฒนธรรม" ในความหมายทางสังคมวิทยา คือ วิถีการดำเนินชีวิตและกระสวนแห่ง พฤติกรรม และบรรดาผลงานทั้งมวลที่มนุษย์ได้สร้างสรรค์ขึ้น ตลอดจนความคิด ความเชื่อ ความรู้ เป็นต้น

13.วัฒนธรรมหมายถึง
ความเจริญงอกงาม ซึ่งเป็นผลจากระบบความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับสังคม และมนุษย์กับธรรมชาติ จำแนกออกเป็น 3 ด้าน คือ จิตใจ สังคม และวัตถุ มีการสั่งสมและ สืบทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง จากสังคมหนึ่งไปสู่อีกสังคมหนึ่ง จนกลายเป็นแบบแผนที่สามารถ เรียนรู้และก่อให้เกิดผลิตกรรมและผลิตผล ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม อันควรค่าแก่การวิจัย อนุรักษ์ ฟื้นฟู ถ่ายทอด เสริมสร้างเอตทัคคะ และแลกเปลี่ยน เพื่อสร้างดุลยภาพแห่งความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ สังคม และธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์สามารถดำรงชีวิตอย่างมีสุข สันติสุข และอิสรภาพ อันเป็นพื้นฐานแห่งอารยธรรมของมนุษยชาติ (สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2535)

14.วัฒนธรรมคือ
วิถีชีวิตของคนในสังคม เป็นแบบแผนประพฤติปฏิบัติและการแสดงออกซึ่งความรู้สึกนึกคิด ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่สมาชิกในสังคมเดียวกันสามารถเข้าใจ ซาบซึ้ง ยอมรับและใช้ปฏิบัติร่วมกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในสังคมนั้น ๆ (สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2535)

15.วัฒนธรรมห หมายถึง
สิ่งที่ทำให้เจริญงอกงามแก่หมู่คณะ วิถีชีวิตของหมู่คณะ ในพระราชบัญญัติวัฒนธรรม พุทธศักราช 2485 หมายถึง ลักษณะที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียวก้าวหน้าของชาติ และศีลธรรมอันดีของประชาชน ทางวิทยาการ หมายถึง พฤติกรรมและสิ่งที่คนในหมู่ผลิต สร้างขึ้นด้วยกัน เรียนรู้จากกันและกัน และร่วมใช้อยู่ในหมู่พวกของตน (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2525)

16.วัฒนธรรม ตามความหมายที่พระเทพเวที (ประยุทธ์ ประยุคโต)
ให้ไว้ในการ ปฐกถาพิเศษ เนื่องใน งานฉลอง 100 ปี พระยาอนุมานราชธน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2531 คือ วัฒนธรรมเป็นผลรวมของ การสั่งสมสร้างสรรค์ภูมิธรรมภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาของสังคมนั้น ๆ หรือกล่าวสั้น ๆ ได้ว่า วัฒนธรรมคือ ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ที่สังคมนั้นมีอยู่หรือเนื้อตัวทั้งหมดของสังคมนั่นเอง (สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ, 2532)

17.วัฒนธรรมเป็นผลงานด้านต่าง ๆ
ที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นโดยผ่านการคัดเลือกปรับปรุงและยึดถือสืบทอด กันมาจนถึงปัจจุบัน วัฒนธรรมเป็นทั้งลักษณะนิสัยของคนหรือกลุ่มคนในชาติ ลัทธิความเชื่อ ภาษา ขนบธรรมเนียม อาหารการกิน เครื่องใช้ไม้สอย ศิลปะต่าง ๆ และการประพฤติปฏิบัติในสังคม

วัฒนธรรมเป็นมรดกสังคมที่คนในชาติรับไว้ และจะต้องวิวัฒนาการต่อไปในอนาคต

วัฒนธรรมไทยเป็นเอกลักษณ์ของความเป็นชาติไทย เป็นรากฐานของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและของการสร้างสรรค์ความมั่นคงของชาติ

วัฒนธรรมแสดงศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ และความภูมิใจร่วมกันของคนไทย (คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ จัดทำหนังสือเกี่ยวกับประเทศไทยสำหรับเยาวชน ในคณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ, 2525)

18.วัฒนธรรม
เป็นคำที่เกิดขึ้นในภาษาไทย ในสมัยที่รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้มองเห็นความสำคัญของเรื่องนี้ คำเดิมภาษาอังกฤษ คือ "Culture" ในตอนแรก "พระมหาหรุ่น" แห่งวัดมหาธาตุได้แปลคำนี้ว่า "ภูมิธรรม" แต่กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงเล็งเห็นว่า คำว่า "ภูมิธรรม" มีความหมายค่อนข้างคงที่ พระองค์ท่านทรงมีความประสงค์ให้คำนี้มีความหมายในลักษณะเคลื่อนไหว เปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงทรงแปลใหม่เป็น "วัฒนธรรม" และมีการนำมาใช้สืบต่อมาตลอดสมัยที่ประเทศไทยมีกระทรวงวัฒนธรรมและคงใช้อยู่ในปัจจุบัน (วีระ บำรุงรักษ์, ระบบการจัดวัฒนธรรมและคุณภาพมาตรฐาน, มปป.)

19.วัฒนธรรมคือ
คือ ส่วนประกอบที่สลับซับซ้อนทั้งหมดของลักษณะอันชัดเจนของจิตวิญญาณ วัตถุ สติปัญญาและอารมณ์ ซึ่งประกอบกันขึ้นเป็นสังคมหรือหมู่คณะ วัฒนธรรมมิได้หมายถึงเฉพาะเพียงศิลปะและวรรรกรรมเท่านั้น แต่หมายถึงฐานนิยมต่าง ๆ ของชีวิต สิทธิพื้นฐานต่าง ๆ ของมนุษย์ ระบบค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีและความเชื่อ (วีระ บำรุงรักษ์, 2525)

20.วัฒนธรรมหมายถึง
ความดี ความงาม และความเจริญในชีวิตมนุษย์ ซึ่งปรากฏในรูปธรรมต่าง ๆ และได้ตกทอดมาถึงเราในปัจจุบัน หรือว่าที่เราได้ปรับปรุงและสร้างสรรค์ขึ้นในสมัยของเราเอง (สาโรช บัวศรี, 2531)

ฮีตสิบสอง (ประเพณีสิบสองเดือน)

ขนบธรรมเนียมประเพณีของอีสานแตกต่างจากภาคกลางตรงที่ ขนบธรรมเนียม ประเพณีของภาคกลางได้รับอิทธิพลจากศาสนาฮินดู และคัมภีร์พระมนูธรรมศาสตร์ ส่วนขนบ- ธรรมเนียมของอีสานได้รับอิทธิพลจากล้านช้าง เข้าใจว่าวัฒนธรรมล้านช้างได้รับอิทธิพลจาก วัฒนธรรมจีน นั่นคือ การเคารพบรรพบุรุษ ผีปู่ตา ผีแถน ผีฟ้า ผีตาแฮก (ผีนาผีไร่) ขนบธรรมเนียม ประเพณีของภาคกลางจึงมีลักษณะเป็นพราหมณ์มากกว่าพุทธ ฮีตสิบสอง หรือ จารีตประเพณี ประจำสิบสองเดือน ที่สมาชิกในสังคมได้มีโอกาสร่วมชุมนุมกันทำบุญ เป็นประจำเดือนในทุกๆ เดือนของรอบปี "ฮีต" มาจากคำว่า "จารีต" ถือเป็นจรรยาของสังคม ถ้าฝ่าฝืนมีความผิด เรียกว่า ผิดฮีต หมายถึง ผิดจารีต ซึ่งฮีตสิบสองมีรายละเอียดดังนี้

เดือนเจียง (เดือนอ้าย)
นิมนต์สังฆเจ้าเข้ากรรมฯ ชาวบ้านเลี้ยงผีแกนและผีต่างๆ ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเดือนเจียง เข้ากลายมาแถมถ่าย ฝูงหมู่สังฆเจ้าก็เตรียมเข้าอยู่กรรม มันหาธรรมเนียมนี้ถือมาตั้งแต่ก่อน อย่าได้ละห่างเว้นเข็นสิข่องแล่นนำ แท้แหล่ว
บุญเข้ากรรม เป็นเดือนที่พระสงฆ์เข้ากรรม (ปริวาสกรรม) เพื่อให้พระสงฆ์ผู้กระทำผิด ได้สารภาพต่อหน้าคณะสงฆ์ เป็นการฝึกจิตสำนึกถึงความบกพร่องของตน และมุ่งประพฤติตนให้ ถูกต้องตามพระธรรมวินัยต่อไป ทางด้านฆราวาสก็จะมีการทำบุญเลี้ยงผีต่างๆ
เดือนยี่
ฮีตหนึ่งนั้น พอแต่เดือนยี่ได้ล้ำล่วงมาเถิง ให้พากันหาฟืนสู่คนโฮมไว้ อย่าได้ไลคองนี้ มันสิสูญเสียเปล่า ข้าวและของหมู่นั้นสิหายเสี่ยงบ่ยัง จงให้ฟังคองนี้แนวกลอนเฮาบอก อย่าเอาใด ดอกแท้เข็นฮ้ายแล่นเถิงเจ้าเอย
หลังการเก็บเกี่ยวจะทำบุญคูณข้าวหรือบุญคูณลาน นิมนต์พระสวดมนต์เย็น เพื่อเป็น มงคลแก่ข้าวเปลือก รุ่งเช้าเมื่อพระฉันเช้าแล้วจะทำพิธีสู่ขวัญข้าว นอกจากนี้ชาวบ้านจะเตรียม เก็บสะสมฟืนไว้หุงต้มที่บ้าน ดังคำโบราณว่า .... เถิงฤดูเดือนยี่มาฮอดแล้ว ให้นิมนต์พระสงฆ์ องค์เจ้ามาตั้งสวดมุงคูณเอาบุญคูณข้าว เตรียมเข้าป่าหาไม้เฮ็ดหลัว เฮ็ดฟืนไว้นั่นก่อน อย่าได้ หลงลืมถิ่น ฮีตของเก่าเฮาเดอ...

เดือนสาม
ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเมื่อเดือนสามได้จงพากันจี่ข้าวจี่ไปถวายสังฆเจ้าเอาแท้หมู่บุญ กุศลยัง สินำค้ำตามเฮามื้อละคาบ หากธรรมเนียมจั่งซี้มันแท้แต่นาน ให้ทำบุญไปทุกบ้านทุกที่เอาบุญพ่อ เอย คองหากเคยมีมาแต่ปางปฐมพุ้น อย่าพากันไลถิ่มประเพณีตั้งแต่เก่า บ้านเมืองเฮาสิเศร้า ภัยฮ้ายสิแล่นตาม
ในมื้อเพ็ง (วันเพ็ญ เดือนสาม) จะมีการทำบุญข้าวจี่และบุญมาฆบูชา การทำบุญข้าวจี่ จะเริ่มตอนเช้า โดยใช้ข้าวเหนียวปั้นใส่น้ำอ้อย นำไปจี่บนไฟอ่อนแล้วชุบด้วยไข่ เมื่อสุกแล้วนำไป ถวายพระ ดังความว่า
“…. พอเถิงเดือนสามคล้อย เจ้าหัวคอยปั้นข้าวจี่ ปั้นข้าวจี่บ่ใส่น้ำอ้อย จัวน้อยเช็ดน้ำตา...”
เดือนสี่
ฮีตหนึ่ง พอเถิงเดือนสี่ได้ให้เก็บดอกบุปผา มาลาดวงหอมสู่คนเก็บไว้ อย่าได้ไลหนีเว้น แนวคองตั้งแต่เก่า ไฟทั้งหลายสิแล่นเข้าเผาบ้านสิเสื่อมสูญ ให้ฝูงซาวเฮาแท้อย่าไลคองตั้งแต่ก่อน มันสิหมองเศร้าเมืองบ้านสิทุกข์จนแท้แหล่ว
ทำบุญพระเวสฟังเทศน์มหาชาติ มูลเหตุเนื่องมาจากพระคัมภีร์มาลัยหมื่นและมาลัย แสนว่า ถ้าผู้ใดปรารถนาที่จะพบพระศรีอริยะเมตไตย หรือเข้าถึงศาสนาของพระพุทธองค์แล้ว จง อย่าฆ่าบิดามารดา สมณะ พราหมณาจารย์ อย่ายุยงให้พระสงฆ์แตกสามัคคีกัน กับให้อุตส่าห์ฟัง เทศนาเรื่องพระมหาเวสสันดรชาดกให้จบสิ้นภายในวันเดีนว เป็นต้น ในงานบุญนี้มักจะมีผู้นำ ของมาถวายพระ ซึ่งเรียกว่า “กัณฑ์หลอน” หรือถ้าจะถวายเจาะจงเฉพาะพระนักเทศน์ที่ตนนิมนต์ มา ก็เรียกว่า “กัณฑ์จอบ” เพราะต้องแอบซุ่มดูให้แน่เสียก่อนว่าใช่พระรูปที่จะถวายเฉพาะเจาะจง หรือไม่?
เดือนห้า
ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเดือนห้าได้พวกไพร่ซาวเมือง จงพากันสรงน้ำขัดสีพุทธรูป ให้ทำทุกวัด แท้อย่าไลม้างห่างเสีย ให้พากันทำแท้ๆ ไผๆ บ่ได้ว่า ทุกทั่วทีปแผ่นหล้าให้ทำแท้สู่คน จั่งสิสุขยิ่งล้น ทำถืกคำสอน ถือฮีตคองควรถือแต่ปฐมพุ้น
ตรุษสงกรานต์หรือบุญสรงน้ำ การสรงน้ำมีการรดน้ำพระพุทธรูป พระสงฆ์ ผู้หลักผู้ใหญ่ ด้วยน้ำอบน้ำหอมเพื่อขอขมาและขอพร เป็นประเพณีอันดีงามควรรักษาไว้ มีการทำบุญถวายทาน การทำบุญสรงน้ำกำหนดเอาวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนห้า บางทีเรียกว่า บุญเดือนห้า ถือเป็นเดือนสำคัญ เพราะเป็นเดือนเริ่มต้นปีใหม่ไทย

เดือนหก
ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเดือนหกแล้วให้นำเอาน้ำวารีสรงโสก ฮดพระพุทธรูปเหนือใต้สู่ภาย อย่าได้ละเบี่ยงบ้ายปัดป่ายหายหยุด มันสิสูญเสียศรีต่ำไปเมือหน้า จงพากันทำแท้แนวคองฮีตเก่า เอาบุญไปเรื่อยๆ อย่าถอยหน้าหากสิเสีย
เดือนหกทำบุญบั้งไฟและบุญวันวิสาขบูชา การทำบุญบั้งไฟเพื่อขอฝน และจะมีงาน บวชนาคพร้อมกันด้วย การทำบุญเดือนหกเป็นงานสำคัญก่อนการทำนา หมู่บ้านใกล้เคียงจะนำ เอาบั้งไฟมาจุดประชันขันแข่งกัน หมู่บ้านที่รับเป็นเจ้าภาพจะจัดอาหาร เหล้ายามาเลี้ยงโดยไม่คิด มูลค่า เมื่อถึงเวลาก็จะตั้งขบวนแห่บั้งไฟและรำเซิ้งออกไป ณ ลานที่จุดบั้งไฟ การเซิ้งจะกระทำด้วย ความสนุกสนาน ไม่มีการทะเลาะวิวาท คำเซิ้งและการแสดงประกอบจะออกไปในเรื่องเพศ แต่ก็ไม่ ถือสาหรือคิดเป็นเรื่องหยาบคายแต่อย่างใด (ไปชมประเพณียิ่งใหญ่นี้ได้ที่จังหวัดยโสธร ช่วงต้น เดือนพฤษภาคมของทุกปี) ส่วนการทำบุญวิสาขบูชานั้น ก็มีการทำบุญเลี้ยงพระ ฟังเทศน์ ช่วงเย็น มีการเวียนเทียนเช่นเดียวกับภาคอื่นๆ
เดือนเจ็ด
ฮีตหนึ่งนั้น พอเมื่อเดือนเจ็ดแล้วจงพากันบูชาราช ฝูงหมู่เทพเหล่านั้นบูชาแท้สู่ภาย ตลอดไปฮอดอ้ายอาฮักษ์ใหญ่มเหสัก ทั้งหลักเมืองสู่หนบูชาเจ้า พากันเอาใจตั้งทำตามฮีตเก่า นิมนต์สังฆเจ้าขำระแท้สวดมนต์ ให้ฝูงคนเมืองนั้นทำกันอย่าได้ห่าง สูตรชำระเมืองอย่าค้างสิเสีย เศร้าต่ำศูนย์ ทุกข์สิแล่นวุ่นๆ มาโฮมใส่เต็มเมือง มันสิเคืองคำขัดต่ำลงศูนย์เศร้า ให้เจ้าทำตามนี้ แนวเฮาสิกล่าว จึงสิสุขอยู่สร้างสวรรค์ฟ้าเกิ่งกัน ทุกข์หมื่นฮ้อยซั้นบ่มีว่าพาน ปานกับเมืองสวรรค์ สุขเกิ่งกันเทียมได้
เดือนเจ็ดทำบุญซำฮะ (ล้าง) หรือบุญบูชาบรรพบุรุษ มีการเซ่นสรวงหลักเมือง หลักบ้าน ปู่ตา ผีตาแฮก ผีเมือง เป็นการทำบุญเพื่อระลึกถึงผู้มีพระคุณ
เดือนแปด
ฮีตหนึ่งนั้น พอเถิงเดือนแปดได้ล้ำล่วงมาเถิง ฝูงหมู่สังโฆคุณเข้าวัสสาจำจ้อย ทำตาม ฮอยของเจ้าพระโคดมทำก่อน บ่ทะลอนเลิกม้างทำแท้สู่ภาย แล้วจงพากันผ่ายหาของไปเททอด ทำทานไปอย่าได้คร้านเอาไว้หมู่บุญ สิเป็นของหนุนเจ้าไปเทิงอากาศ สู่สวรรค์บ่ฮ้อนด้วยบุญนี้ส่งไป เพิ่นจึงตรัสบอกไว้ฮีตเก่าคองหลัง อย่าขาดได้ไปแท้สู่คน โอกาสนี้เพิ่นให้เที่ยวซอกค้นขุดก่นขุมบุญ เอาทุนไปภายหน้า เมื่อตายไปแล้วเป็นแนวนำเฮาขึ้นบันไดทองเทียวท่อง ขึ้นสู่ห้องชั้นฟ้าสวรรค์พุ้น อยู่เย็น ฝูงหมู่วิบากเว้นบ่มีว่าสิมาพาน เนาว์วิมานแสนทุกข์หายบ่มาใกล้
เดือนแปด ทำบุญเข้าพรรษาเป็นประเพณีทางพุทธศาสนาโดยตรง จึงคล้ายกับทาง ภาคอื่นๆ ของประเทสไทย เช่นมีการทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์สามเณร มีการฟังธรรมเทศนาตอนบ่าย ชาวบ้านหล่อเทียนใหญ่ถวายเป็นพุทธบูชาและเก็บไว้ตลอดพรรษา การนำไปถวายวัดจะมีขบวนแห่ฟ้อนรำเพื่อให้เกิดความคึกคักสนุกสนาน ประเพณีแห่เทียนพรรษา ที่ยิ่งใหญ่แน่นอนต้องเป็นที่ จังหวัดอุบลราชธานี

เดือนเก้า
ฮีตหนึ่งนั้น พอเถิงเดือนเก้าแล้วเป็นกลางแห่งวัสสกาล ฝูงประชาชนชาวเมืองก็เล่า เตรียมตัวพร้อม พากันทานยังเข้าประดับดินกินก่อน ทายกทานให้เจ้าพระสงฆ์พร้อมอยู่ภาย ทำ จั่งซี้บ่ย้ายเถิงขวบปีมา พระราชาในเมืองก็จงทำแนวนี้ ฮีตหากมามีแล้ววางลงให้ถือต่อ จำไว้เด้อ พ่อเฒ่าหลานเว้ากล่าวจา
ทำบุญข้าวประดับดิน เป็นการทำบุญเพื่ออุทิศแก่ญาติผู้ล่วงลับ เพื่อบูชาผีบรรพบุรุษและผีไร้ญาติ โดยชาวบ้านจะทำการจัดอาหาร ประกอบด้วยข้าว ของหวาน หมากพลู บุหรี่ ห่อด้วยใบตองกล้วย ร้อยเป็นพวง เตรียมไว้ถวายพระช่วงเลี้ยงเพล บางพื้นที่อาาจะนำห่อข้าวน้อย เหล้า บุหรี่ แล้วนำไปวางหรือแขวนไว้ตามต้นไม้หรือที่ใดที่หนึ่ง พร้อมทั้งกล่าว เชิญวิญญาณของบรรพบุรุษและญาติมิตรที่ล่วงลับไปมารับส่วนกุศลในครั้งนี้ ต่อมาใช้วิธีการกรวดน้ำหลังการถวายภัตตาหารพระสงฆ์แทน
เดือนสิบ
ฮีตหนึ่งนั้น เมื่อเทิงเดือนสิบแล้วทายกทอดบวยบาน เบิกพลีทำทานต่อมาสองซ้ำ ข้าว สลากนำไปให้สังโฆทานทอด พากันหวังยอดแก้วนิพพานพุ้นพ้นที่สูง ฝูงหมู่ลุงอาว์ป้าคณาเนือง น้อมส่ง ศรัทธาลงทอดไว้ทานให้แผ่ไป อุทิศให้ฝูงเปรตเปโต พากันโมทนานำสู่คนจนเกลี้ยง
เดือนสิบ ทำบุญข้าวสากหรือข้าวสลาก (สลากภัตร) ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบ ผู้ถวาย จะเขียนชื่อของตนลงในภาชนะที่ใส่ของทาน และเขียนชื่อลงในบาตร ภิกษุสามเณรรูปใดจับได้ สลากของใคร ผู้นั้นจะเข้าไปถวายของ เมื่อพระฉันเสร็จแล้ว มีการฟังเทศน์ เป็นการอุทิศให้แก่ ผู้ตายเช่นเดียวกับบุญข้าวประดับดิน
เดือนสิบเอ็ด
ฮีตหนึ่งนั้น เถิงเดือนสิบเอ็ดแล้วก็เป็นแวทางป่อง เป็นช่องของพระเจ้าเคยเข้าแล้ว อย่าเซา เดือนสิบเอ็ด ทำบุญออกพรรษา ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนสิบเอ็ด พระสงฆ์จะแสดงอาบัติ ทำการปวารณา คือการเปิดโอกาสให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ต่อมาเจ้าอาวาสหรือพระผู้ใหญ่จะให้ โอวาทเตือนพระสงฆ์ ให้ปฏิบัติตนอย่างผู้ทรงศีลเป็นอันเสร็จพิธี พอตกกลางคืนมีการจุดประทีป โคมไฟ นำไปแขวนไว้ตามต้นไม้ในวัดหรือตามริมรั้ววัด จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า บุญจุดประทีป ในจังหวัดนครพนมจะมีประเพณีการไหลเหลือไฟ ซึ่งตกแต่งด้วยตะเกียงน้ำมันก๊าดเป็นรูปต่างๆ สวยงามกลางลำน้ำโขง

เดือนสิบสอง
ฮีตหนึ่งนั้น เดือนสิบสองมาแล้วลมวอยหนาวสั่น เดือนนี้หนาวสะบั้นบ่คือแท้แต่หลัง ในเดือนนี้เพิ่นว่าให้ลงทอดพายเฮือ ซ่วงกันบูชา ฝูงนาโค นาคเนาว์ในพื้น ชื่อว่าอุชุพะนาโค เนาว์ ในพื้นแผ่น สิบห้าสกุลบอกไว้บูชาให้ส่งสะการ จงทำให้ทุกบ้านบูชาท่านนาโค แล้วลงโมทนาดอม ชื่นชมกันเล่น กลางเว็นกลางคืนให้ระงมกันขับเสพ จึงสิสุขอยู่สร้างสบายเนื้ออยู่เย็น ทุกข์ทั้งหลาย หลีกเว้นหนีห่างบ่มีพาน ของสามานย์ทั้งปวงบ่ได้มีมาใกล้ ไผผู้ทำตามนี้เจริญขึ้นยิ่งๆ ทุกสิ่งบ่ไฮ้ ทั้งข้าวหมู่ของ กรรมบ่ได้ถึกต้องลำบากในตัว โลดบ่มีมัวหมองอย่างใดพอดี้ มีแต่สุขีล้นครองคน สนุกยิ่ง อดในหลิงป่องนี้เด้อเจ้าแก่ชรา
เดือนสิบสอง เป็นเดือนส่งท้ายปีเก่าตามคติเดิม มีการทำบุญกองกฐินซึ่งเริ่มตั้งแต่วัน แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ดถึงกลางเดือนสิบสอง แต่ชาวอีสานครั้งก่อนนิยมเริ่มทำบุญทอดกฐินกัน ตั้งแต่ข้างขึ้นเดือนสิบสอง จึงมักจะเรียกบุญกฐินว่า บุญเดือนสิบสอง สำหรับประชาชนที่อาศัย อยู่ตามริมฝั่งน้ำใหญ่ เช่น แม่น้ำโขง แม่น้ำมูล แม่น้ำชี จะมีการจัดส่วงเฮือ (แข่งเรือ) เพื่อระลึกถึง อุสุพญานาค ดังคำกลอนข้างต้น
บางแห่งทำบุญดอกฝ้ายเพื่อใช้ทอเป็นผ้าห่มกันหนาวถวายพระเณร จะมีพลุตะไล จุดด้วย บางแห่งทำบุญโกนจุกลูกสาวซึ่งนิยมทำกันมากในสมัยก่อน
ประเพณีที่กล่าวมานี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง ตั้งแต่ เดือนอ้ายจนถึงเดือนสิบสอง ใครที่ไม่ไปช่วยงานบุญก็จะถูกสังคมตั้งข้อรังเกียจ และยังไม่คบค้า สมาคมด้วย การร่วมประชุมทำบุญเป็นประจำเช่นนี้ จึงทำให้ชาวอีสานมีความสนิทสนมรักใคร่กัน ไม่เฉพาะแต่ในหมู่บ้านของตนเท่านั้น แต่ยังสร้างความสามัคคีกันในหมู่บ้านใกล้เคียงอีกด้วย

คองสิบสี่
หมายถึง ครองธรรม 14 อย่าง เป็นกรอบหรือแนวทางที่ใช้ปฏิบัติระหว่างกัน ของผู้ปกครองกับผู้ใต้ปกครอง พระสงฆ์ และระหว่างบุคคลทั่วไป เพื่อความสงบสุขร่มเย็นของ บ้านเมือง คองสิบสี่มีหลายแบบหลายประเภท พอจะยกตัวอย่างได้ดังนี้
คองสิบสี่แบบที่ 1 - กล่าวถึงผู้เกี่ยวข้องกับคองครัวในสังคมตลอดจนผู้มี่หน้าที่ปกครองบ้านเมือง
คองสิบสี่แบบที่ 2 - กล่าวถึงหลักการที่พระมหากษัตริย์ทรงปฏิบัติในการปกคองบ้านเมือง และข้อที่ประชาชนควรปฏิบัติต่อพระมหากษัตริย์ และจารีตประเพณีที่พึงปฏิบัติให้บ้านเมืองสงบสุข
คองสิบสี่แบบที่ 3 - กล่าวถึงธรรมที่พระราชาพึงยึดถือปฏิบัติ และเน้นหนักให้ประชาชนปฏิบัติตามจารีตประเพณี และข้อที่คนในคองครัวพึงปฏิบัติต่อกัน
คองสิบสี่แบบที่ 4 - กล่าวถึงไปแนวทางฮีตบ้านคองเมือง คือการดำเนินการปกครองบ้านเมืองเพื่อ ให้บ้านเมืองอยู่เป็นสุขและปฏิบัติตามประเพณี

คอง (ครรลอง)

คือแบบแผนหรือแนวทางดำเนินชีวิตคล้ายๆ กับคำฝรั่งหนึ่งว่า "Way of life" แต่คองในที่นี้มุ่งไปทางศีลธรรมประเพณีที่ถูกผิดมากกว่าด้านอาชีพ เห็นจะตรงกับภาคกลางว่า ทำนองคองธรรม นั่นเอง แต่ชาวอีสานออกเสียงคลองเป็นคองไม่มีกล้ำ เช่นว่าถ้าทำไม่ถูกผู้ใหญ่ท่านจะเตือนว่า "เฮ็ดบ่แม่นคอง" หรือว่า "เฮ็ดให้ถือฮีตถือคอง" เป็นต้นฉบับของท่านเจ้าพระอริยานุวัตร มีคำฮีตนำหน้าด้วย คือ
1. ฮีตเจ้าคองขุน เป็นหลักสำหรับผู้ปกครองในสมัยโบราณ ขุนก็คือเจ้าเมือง เช่น ขุนเบฮม ขุนลอ ขุนทึง เป็นต้น (ภาคกลางก็มีเช่นพ่อขุนรามคำแหง)
2. ฮีตท้าวคองเพีย (เจ้าปกครองขุน)
3. ฮีตไพร่คองนาย (ไพร่ปฎิบัติต่อนาย)
4. ฮีตบ้านคองเมือง (ประเพณีของบ้านเมือง)
5. ฮีตปู่คองย่า
6. ฮีตตาคองยาย
7. ฮีตพ่อคองแม่ (พรหมวิหารธรรม)
8. ฮีตไภ้คองเขย (หลักปฎิบัติของลูกสะใภ้ลูกเขย)
9. ฮีตป้าคองลุง
10. ฮีตลูกคองหลาน
11. ฮีตเถ้าคองแก่ (ธรรมของผู้ชายที่มีต่อเด็ก)
12. ฮีตปีคองเดือน (คือฮีตสิบสองนั่นเอง)
13. ฮีตไฮ่คองนา
14. ฮีตวัดคองสงฆ์

วิชา การบริหารงานสาธารณสุขท้องถิ่น(Local Public Health Administration)

โจทย์ วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 2552
สมมุติว่า ท่านได้ออกไปนิเทศงานร่วมกับทีมงานของจังหวัด โดยท่านได้ออกไปนิเทศงานในพื้นที่ อบต.บ้านในฝันของสาวหวึ่ง (เป็นชื่อของ อบต.)ท่านจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับท่านอย่างไรบ้าง (ให้สมมุติงานที่เกี่ยวข้องและสมมุติปัญหาที่เกิดขึ้นได้)
ส่ง เสาร์หน้า
วันเสาร์ที่ 31 มกราคม 52
การบริหารงานสาธารณสุขท้องถิ่น อาจารย์ ดร.ณัฏฐวุฒิ แก้วพิทูลย์
รายงานกลุ่ม
เรื่อง 1 ความหมายและความสำคัญของการบริหารสาธารณสุข
กลุ่มที่ 1 นายธัญญกฤษฎ์
กลุ่มที่ 2 นายบุญเทียม
เรื่องที่ 2 กระบวนการบริหารสาธารณสุข
กลุ่มที่ 1 นางสีนีนาถ
กลุ่มที่ 2 นายกำพล
เรื่องที่ 3 ปัจจัยด้านทรัพยากรการสาธารณสุข
กลุ่มที่ 1 นายครรชิต
กลุ่มที่ 2
เรื่องที่ 4 ปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการบริหารสาธารณสุข
กลุ่มที่ 1 นายทองหล่อ
กลุ่มที่ 2
เรื่อง ที่ 5 สถานการณ์และแนวโน้มของปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ
กลุ่มที่ 1 นายคำตัน
กลุ่มที่ 2 นายสุพงษ์
เรื่องที่ 6 พลวัตด้านสุขภาพ
กลุ่มที่ 1 นายประเสริฐ
กลุ่มที่ 2 นายอุดร
เรื่อง ที่ 7 แนวโน้มระบบสุขภาพ
กลุ่มที่ 1 นายพรชัย
กลุ่มที่ 2 นายชัยวัฒน์
เรื่องที่ 8 การปฏิรูประบบสุขภาพ
กลุ่มที่ 1 นายเปลี่ยน
กลุ่มที่ 2 นางสมลักษณ์
โดย
1. นางสมลักษณ์ พุ่มจันทร์ รหัส 49213205 เลขที่ 74
2. นายวานิช พานเงิน รหัส 49212648 เลขที่ 69
3. นายสมคิด แขมารัมย์ รหัส 49213025 เลขที่ 70
4. นายประภาส กาหลง รหัส 49211757 เลขที่ 73
5. นายชาญชัย กรรมจันทร์ รหัส 49210653 เลขที่ 33
6. นายสุริยา พันวัตร รหัส 49213784 เลขที่ 66
7. นายทินกร พุ่มจันทร์ รหัส 49211104 เลขที่ 34
8. นายทวี คงดี รหัส 49210994 เลขที่ 41
9. นางเยาวลักษณ์ จันทรพรม รหัส 49212493 เลขที่ 32
10. นายคิมหันต์ พิบูลย์บุญ รหัส 49210385 เลขที่ 67
11. นายมานะ สำเภาศรี รหัส 49212448 เลขที่ 35




ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ undow34110001@gmail.com (ถ้ามีจะจัดให้)

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เครือข่าย internet ใช้ไม่ได้

ต้องขอโทษอย่างแฮงที่บ่อได้สรุปแนวข้อสอบวิชาการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติฯลงใน blog
เนื่องจาก เครือข่าย internet ใช้ไม่ได้
ส่วนวิชาต่อไปคือสิบ่อมีปัญหา
ผมกะทำข้อสอบบ่อได้คือกัน
ตรงที่บังคับทำ 10 คะแนน
ถ้าผมได้ 3 คะแนน กะบุญหัวแล้ว
หวังว่าทุคนคือสิทำได้

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

แนวข้อสอบวิชาการบริหารงานสาธารณูปโภคท้องถิ่น

ข้อที่ 1
- ความหมายของสาธารณูปโภค
สาธารณูปโภค (Public Utilities) หมายถึง บริการสาธารณะที่จัดทำเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ประชาชนในสิ่งอุปโภคที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เช่่น การไฟฟ้า การประปา การเดินรถประจำทาง โทรศัพท์ เป็นต้น
- ประเภทของสาธารณูปโภค
แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1) สาธารณูปโภคทางกายภาพ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน ไฟฟ้า ประปา เขื่อน
2) สาธารณูปโภคทางสังคม เช่น การศึกษา สุขภาพ ความปลอดภัย
- ความสำคัญของสาธารณูปโภค
-คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
-เกื้อหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชน
-เป็นปัจจัยในการผลิต
-อำนวบความสะดวกในการขนส่งสินค้าและบริการ
-ตอบสนองความต้องการของคนในชุมชน

ข้อที่ 2
ความจำเป็นในการลงทุนในสาธารณูปโภคของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

- สินค้าสาธารณะ (Public Goods)

- ถูกกำหนดจำนวนโดยหน่วยงานกลางมิใช่ประชาชนแต่ละคน
(บางคนไม่จ่าย แต่ใช้บริการ/ได้ประโยชน์ = Free-Rider)
-แยกหน่วยออกจากกันไม่ได้ ไม่แข่งกันบริโภค
-ตลาดไม่ได้ผลิตสินค้าสาธารณะ เพราะไม่ได้กำไรเพียงพอ

- ผลกระทบภายนอก
-การบริโภคหรือการผลิตสินค้าและบริการบางอย่างให้ผลบางอย่างมากไปกว่าผลประโยชน์ระหว่างผู้ชื้อและผู้ขาย
-บุคคลที่สามอาจได้รับผลทางบวกหรือลบจากผลกระทบภายนอกที่ระบบเศรษฐกิจและราคาไม่สามารถสะท้อนให้เห็นได้

- การผูกขาดโดยธรรมชาติ
-คือสภาวะที่การผลิตสินค้าและบริการโดยบุคคลคนเดียวจะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการและประหยัดกว่าการผลิตกันสองคนขึ้นไป
-ภาครัฐจึงผลิตสินค้าและบริการที่มีลักษณะนี้รวมทั้งเป็นเจ้าของและบริหารเอง

- ความเสมอภาคและสิทธิของประชาชน
-สาธารณูปโภคพื้นฐานทางสังคม เช่นการศึกษา ถูกผลิตโดยการพิจารณาถึงสิทธิและความเท่าเทียม ไม่ใช่ใช้ความสามารถในการจ่ายค่าบริการ

- ความจำเป็นในการเข้าถึงที่ดิน
-การสร้างและพัฒนาสาธารณูปโภคส่วนใหญ่ต้องใช้ที่ดิน
-ภาครัฐเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงที่ดินได้ อย่างไรก็ดีภาครัฐก็ต้องเป็นเจ้าของหรือจัดการสาธารณูปโภคนั้น

ข้อที่ 3
หน้าที่ของผู้บริหารในการบริหารสาธารณูปโภค

- Gulick and Uwick ในยุคหลักการบริหาร (ยุคทองของรัฐประศาสนศาสตร์) POSCoRBD
P - Planning การวางแผน จะทำอะไร ให้ใคร เมื่อใด ประมาณเท่าไหร่ โดยโคร
O - Organizing การจัดองค์การ ทางเลือกในการจัดบริการ/การร่วมกับเอกชน
S - Staffing การจัดบุคคกร คัดเลือกบุคคลากรไปตามความเหมาะสม แรงจูงใจ ค่าตอบแทน หาคนใหม่เลิกจ้างเมือหมดสัญญา
Co - Coordinating การติดต่อประสานงาน ผู้เกี่ยวของ บทบาทหน้าที่ การประสานประโยชน์ และลดความขัดแย้ง
R - Reporting การรายงาน ก่อนทำ ระหว่างทำ และหลังการจัดทำ รายงานต้องเปิดเภยต่อสาธาณะ
B - Budgeting การบริหารงบประมาณ
D - Directing การอำนวยการ ติดตามการจัดทำ ตรวจสอบการใช้งบประมาณ ตรวจสอบการทำงานของเอกชน

ขอให้สอบได้ทุกคน อย่าสอบตก
อัด ตะ หิ อัด ตะ โน นา โถ

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

การบริหารสาธารณูปโภคท้องถิ่น

วันอาทิตย์ที่ 2 พ.ย. 51
Quiz เช้า
- ให้ท่านยกตัวอย่างทางเลือกการจัดให้มีสาธารณูปโภคโดยที่ให้เอกชนมีส่วนร่วม (การทำสัญญาให้บริการ สัญญาการบริหาร การให้เช่า การให้สัมปทาน สร้าง เป็นเจ้าของ โอน หรือขายกิจการ)อย่างน้อย 3 ทางเลือกพร้อมยกตัวอย่างอย่างละ 1 ตัอย่าง พร้อมทั้งวิจารย์ ผลการดำเนินงานทีผ่านมา จากการใช้ทางเลือกดังกล่าว

- ท่านคิดว่าควรประยุกต์ใช้ทางเลือกการจัดให้มี สาธารณูปโภคโดยที่ให้เอกชนมีส่วนร่วม (การทำสัญญาให้บริการ สัญญาการบริหาร การให้เช่า การให้สัมปทาน สร้าง เป็นเจ้าของ โอนหรือขายกิจการ)กับสาธารณูปโภคใดบ้างในอนาคต (อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง)เพราะเหตุใด

Quiz บ่าย
- ให้ท่านยกตัวอย่างความท้าทายในการบริหารสาธารณูปโภคในท้องถิ่นของท่าน 2 ประการ (เช่นความร่วมมือกับเอกชนรูปแบบต่างๆ,อุปสรรคหน้าที่ในการบริหารต่างๆ ใน POSDCORB การกระจายอำนาจในการบริหารงานด้านสาธารณูปโภค ฯลฯ)พร้อมอธิบายสภาพความท้าทายดังกล่าวมาพอเข้าใจ เช่น ที่ มา เหตุผลความจำเป็น

วิชาการบริหารสาธารณูปโภคท้องถิ่น

ประวัติอาจารย์ผู้สอน
1) อาจารย์ภาวิณี ช่วยประคอง (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลฯ)
คุณวุฒิ ปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จุฬาฯ
ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาฯ
Master of Public Policy GRIPS, Tokyo, Japan
2) อาจารย์วรุตม์ อิงคถาวรวงศ์ (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลฯ)
คุณวุฒิ ปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง) จุฬาฯ
ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาฯ
3) อาจารย์ขวัญณภิส รัชตะวรรณ (อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลฯ)
คุณวุฒิ ปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สงขลานครินทร์
ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
วิชา ห้อง ผู้สอน สถานที่เรียน
การบริหารสาธารณูปโภคท้องถิ่น
2323 333
1 อาจารย์ภาวิณี ช่วยประคอง อาคารเรียนรวม 4 ห้อง 4101
2 อาจารย์วรุตม์ อิงคถาวรวงศ์ อาคารเรียนรวม 4 ห้อง 4102
3 อาจารย์ขวัญณภิส รัชตะวรรณ อาคารเรียนรวม 4 ห้อง 4103

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วิชา การบริหารงานสาธารณูปโภคท้องถิ่น

วิชา การบริหารสาธารณูปโภคท้องถิ่น (2323333)
ผู้สอน อาจารย์ภาวิณี ช่วยประคอง
ตารางเรียน

เสาร์ที่ 1 พ.ย. 51
อาทิตย์ที่ 2 พ.ย. 51
เสาร์ที่ 8 พ.ย. 51
อาทิตย์ที่ 9 พ.ย. 51
เสาร์ที่ 15 พ.ย. 51
อาทิตย์ที่ 16 พ.ย. 51
สอบปลายภาค เสาร์ที่ 22 พ.ย. 51
สังเขปรายวิชา
เหตุผลความจำเป็นในการลงทุน ทางเลือกในการจัดและการบริหารสาธารณูปโภคประเภทต่างๆเหตุการและความท้าทายด้านการบริหารสาธารณูปโภคต่างๆของ อปท.
วันเสาร์ที่ 1 พ.ย. 2551
คำถามเช้า (pretest) 5 คะแนน

1 สาธารณูปโภคในท้องถิ่นท่านมีอะไรบ้าง (ประเภทและตัวอย่าง)
2 ท่านสามารถพัฒ/ปรับปรุงนาสาธารณูปโภคของท้องถิ่นได้อย่างไรบ้าง (ตามอำนาจหน้าที่ของท่าน)
คำถามบ่าย (Quiz)
1 ท่านคิดว่าสาธารณูปโภคประเภทใดบ้างที่ อปท.ควรจัดให้มีและบริหารจัดการเองทั้งหมดเพราะเหตุใด
2 ยกตัวอย่างสาธารณูปโภคที่มีผลกระทบทางบวก (Positive Externalities)และมักมี Free-rider พร้อมอธิบาย

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาห้อง 1 (สิงห์แสด)


สรุบผลการแข่งขันกีฬาออนซอนสิงห์เฒ่าครั้งที่ 1
-ชนะเลิศแซร์บอลหญิง
-ชนะเลิศวอลเลย์บอลชาย
-ชนะเลิศฟุตซอลชาย
-ชนะเลิศกองเชียร์
-ชนะเลิศปิดตาตีหม้อ
-ชนะเลิศเอวมันพันธ์ซ่า
-ชนะเลิศอุ้มบักโมแล่นไปแล่นมา
-ครองถ้วยกีฬารวมออนซอนสิงเฒ่าครั้งที่ 1

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551

ผลการจับสลากแบ่งสายกีฬาสากล

วอลเลย์บอล หญิง สาย A = รุ่น 2 + ห้อง 3+เจ้าหน้าที่(นกและเก๋)B = ห้อง 1 + ห้อง 2
วอลเลย์บอล ชาย สาย A = รุ่น 2 + ห้อง 2 B = ห้อง 1 + ห้อง 3
แชร์บอล หญิง สาย A = ห้อง 1 + ห้อง 3 B = ห้อง 2 + รุ่น 2
ตระกร้อ ชาย สาย A = ห้อง 2 + ห้อง 3 B = ห้อง 1 + รุ่น 2
ฟุตซอล ชาย สาย A = ห้อง 2 + ห้อง 1 B = ห้อง 3 + รุ่น 2 + จนท.
ฟุตซอล หญิง สาย A = ห้อง 3 + ห้อง 1 B = ห้อง 2 + รุ่น 2

แนวข้อสอบวิชาจริยธรรมสำหรับผู้บริหาร

สรุปเสร็จ 1
สรุปแนวข้อสอบข้อที่ 1 ( ประเด็นที่ 1 )
วิชา จริยธรรมสำหรับนักบริหารท้องถิ่น ( Ethics for Local Administrator )
คุณธรรมสำหรับนักบริหาร
กรอบความคิดคุณธรรมสำหรับผู้บริหาร
- อธิปไตยสูตร หรือ อธิปไตย 3
1) อัตตาธิปไตย คือ การถือตนเองเป็นใหญ่
2) ธรรมาธิปไตย คือ การถือธรรมหรือหลักการเป็นสำคัญ
3) โลกาธิปไตย คือ การถือคนอื่นเป็นใหญ่

สรุป
นักบริหาร คือ ผู้ทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยคนอื่นเขา บริหารงานด้วยธรรมาธิปไตยที่ถือหลักการและความสำเร็จของงานเป็นใหญ่จึงเป็นผู้นำที่นั่งอยู่ในหัวใจของคนร่วมงานทั้งนี้เพราะเขามีธรรมเป็นพลังในการบริหารงาน 4 ประการคือ
- ปัญญาพละ คือกำลังแห่งความรอบรู้เรื่องตน เรื่องคน และเรื่องงาน
- วิริยพละ คือกำลังแห่งความขยันที่ปลุกใจตนเองและคนอื่นตลอดเวลา
- อนวัชชพละ คือกำลังแห่งความสุจริตที่ปราศจากรูรั่วแห่งชีวิตอันเกิดจากอบายมุข
- สังคหพละ กำลังแห่งมนุษย์สัมพัมพันธ์ที่ประสานใจคนร่วมงานเข้าด้วยความโอบอ้อมอารี วจีไพเราะ สงเคราะห์ประชาชน และวางตนพอดี

“ โง่ไม่เป็นเป็นใหญ่ยากฝากให้คิด
ทางชีวิตจะรุ่งโรจน์โสตถิผล
ต้องรู้โง่รู้ฉลาดปราดเปรื่องตน
โง่สิบหนดีกว่าเบ่งเก่งเดี๋ยวเดียว ”


สรุปแนวข้อสอบข้อที่ 2 ( ประเด็นที่ 2 )
วิชา จริยธรรมสำหรับนักบริหารท้องถิ่น ( Ethics for Local Administrator )
ความรับผิดชอบในหน้าที่
เป็นความรับผิดชอบต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล หรือเป็นการกำหนดหน้าที่กว้างๆสำหรับทุกคนที่เข้ามารับตำแหน่งเดียวกัน
-ความรับผิดชอบในหน้าที่
1. ความรับผิดชอบต่อนักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย
2. ความรับผิดชอบต่อผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา
3. ความรับผิดชอบต่อประชาชน
- ความรับผิดชอบตามจิตสำนึก
เกิดจากความเชื่อ ความรู้สึกของเราเกี่ยวกับความรับผิดชอบ ซึ่งเกิดจากกระบวนการขัดเกลาทางสังคม ที่ได้รับจากครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน กลุ่มเพื่อน หรือการทำงานในองค์กร

ความขัดแย้งของอำนาจหน้าที่
เกิดจากความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ถูกกำหนดมาจากหลายแหล่ง เช่นกฎหมาย ผู้บังคับบัญชา นักการเมืองที่ได้รับเลือกตั้ง และประชาชน
ความขัดแย้งของบทบาท
ค่านิยมที่สัมพันธ์กับบทบาทบางอย่างอาจไม่สอดคล้องกันหรือไม่สามารถนำมาใช้ร่วมกันได้ในสถานการณ์หนึ่งๆ เช่นบทบาทการเป็นผู้บริหารท้องถิ่นอาจขัดแย้งกับบทบาทภายนอก อปท.
ความขัดแย้งของผลประโยชน์
คือสถานการณ์ที่ผลประโยชน์ของเราขัดแย้งกับหน้าที่ของเราในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งอาจเป็นการผสมผสานกันระหว่างบทบาทที่ขัดแย้งกันและความไม่สอดคล้องกันระหว่างแหล่งที่มาของอำนาจการควบคุมทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างความรับผิดชอบในหน้าที่และโอกาสในการแสวงหาผลประโยชน์หรือความได้เปรียบให้กับตัวเอง

สรุปแนวข้อสอบข้อที่ 3 ( ประเด็นที่ 3 )
วิชา จริยธรรมสำหรับนักบริหารท้องถิ่น ( Ethics for Local Administrator )
การตัดสินใจ
การตัดสินใจทางการบริหาร
การตัดสินใจทางจริยธรรม
ประเด็นปัญหา

-ปัญหาวิกฤต เป็นปัญหาที่ผู้บริหารจำเป็นต้องตัดสินใจดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียหายต่อองค์กรอย่างมาก
-ปัญหาไม่วิกฤต เป็นปัญหาที่ผู้บริหารจำเป็นต้องแก้ไขแต่ไม่เร่งด่วนผู้บริหารจึงมีเวลาเตรียมการตัดสินใจแก้ไขปัญหาค่อนข้างมาก
-ปัญหาที่เป็นโอกาส เป็นปัญหาที่ไม่วิกฤตประเภทหนึ่ง แฝงไว้ด้วยศักยภาพและโอกาสแห่งความสำเร็จขององค์การ
การตัดสินใจทางการบริหาร
ผู้บริหารจำเป็นต้องตัดสินใจให้ทันท่วงทีขณะที่ปัญหาบางอย่างไม่เร่งด่วนและสามารถชะลอการตัดสินใจออกไปก่อนได้ ไม่ว่าการตัดสินใจจะมีอุปสรรคหรือข้อจำกัดผู้บริหารก็ยังจำเป็นต้องตัดสินใจเพื่อหาทางแก้ไขหรือคลี่คลายปัญหาทางการบริหารจัดการ

กระบวนการตัดสินใจ
1. การกำหนดประเด็นปัญหา ผู้บริหารที่ไม่ได้พิจารณาประเด็นปัญหาอย่างรอบคอบอาจเข้าใจว่าอาการของปัญหา คือต้นเหตุแห่งปัญหา และทำให้การตัดสินใจเป็นเพียงการแก้ไขอาการของปัญหา ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ
2. การสร้างทางเลือก เทคนิคหนึ่งที่ผู้บริหารเลือกใช้ในการสร้างทางเลือกได้คือการระดมสมอง
3. การประเมินทางเลือก ควรพิจารณาจากประเด็นต่างๆดังนี้
-ความเป็นไปได้
-คุณภาพทางเลือก
-การยอมรับจากผู้เกี่ยวข้อง
-ต้นทุน
4. การตัดสินเลือก หากมีทางเลือกที่เหมาะสมมากกว่าหนึ่งก็ยอมสามารถเลือกทางเลือกได้
5. การประเมินผลลัพท์และการปฏิบัติตามทางเลือก

การตัดสินใจทางจริยธรรม
ขั้นตอนในการตัดสินใจทางจริยธรรม
1 อธิบายสถานการณ์
2 การระบุประเด็นทางจริยธรรม
3 การระบุทางเลือกปฏิบัติ
4 การคาดการณ์ถึงผลลัพธ์
5 ตัดสินใจว่าจะเลือกทำอะไร

สรุปแนวข้อสอบข้อที่ 4 ( ประเด็นที่ 4 )
วิชา จริยธรรมสำหรับนักบริหารท้องถิ่น ( Ethics for Local Administrator )
การพัฒนาคนหรือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
แบ่งเป็น
-พัฒนากาย
-พัฒนาจิต
หลักสำคัญของพระพุทธศาสนาคือ
-ทาน คือการให้
-ศีล คือ การควบคุมกายวาจาให้อยู่ในกรอบของระเบียบวินัย
-ภาวนา คือ การอบรมจิตใจให้ เย็น สงบ นิ่ง และเจริญปัญญา
การพัฒนาท้องถิ่นด้านการเมือง
- หลัก ราชสังคหะ หมายถึง หลักการสังคมสงเคราะห์ ของทางราชการ ซึ่งผู้ปกครองจะพึงถือปฎิบัติ เพื่อสงเคราะห์ผู้คนให้มีความร่มเย็นเป็นสุข
1 สัสสเมธัง + ส่งเสริมการเกษตร
2 ปุริสเมธัง + รู้จักสร้างคน ยกย่องคนที่ควรยกย่อง
3 สัมมาปาสัง + ผูกน้ำใจคน
4 วาจาเปยยัง + พูดจาเพราะน่าเชื่อถือ
- หลักทศพิธราชธรรม
- หลักอปริหานิยธรรม คือ หลักธรรมที่เป็นไปเพื่อความไม่เสื่อม
การเสริมสร้างคุณธรรม-จริยธรรมสำหรับนักบริหาร
นักบริหารที่ดีควรมีหลักธรรมสำหรับพัฒนาตน เพื่อเสริมสร้างคุณธรรม ได้แก่
1. ศีล คือ การสำรวมระวัง ความประพฤติปฏิบัติ ทางกาย และทางวาจา ให้เรียบร้อยดีงามไม่ประพฤติเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น
2. สมาธิ คือการรักษาใจให้ผ่องใสปราศจากกิเลสนิวรณ์ แล้วให้ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์เดี่ยว
3. ปัญญา คือ การรอบรู้กองสังขาร รอบรู้สภาวธรรมที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (สังขาร) และที่ไม่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง (สังขาร คือพระนิพาน) และรู้แจ้งเห็นแจ้งพระอริยสัจ 4 รวมเป็นผู้มีปัญญาอันเห็นชอบรอบรู้ทางเจริญ ทางเสื่อม แห่งชีวิต ตามที่เป็นจริง
ศีล สมาธิ และปัญญานี้ รวมเรียกว่า ไตรสิกขา คือ หลักธรรมที่ควรศึกษาปฏิบัติ 3 ประการ

ขอให้โชคดีทุกท่าน
(ยากแฮงเพราะบ่อค่อยรู้เรื่องท่อใด)
สรุปได้สำนี่หละ

แนวข้อสอบวิชาการบริหารการเงินการคลังท้องถิ่น

สรุปเสร็จแล้วเอาแบบนี้แหละยากหลายจักชิเฮ็ดจังได๋พ่อใหญ่
1. ประเด็นที่จะสอบ1 วิชาการบริหารการเงินการคลัง(Financial and Fiscal Management)
- ความเข้าใจเกี่ยวกับ อปท.และการเงินการคลัง ของ อปท.
- การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
- กรอบแนวคิดและปัญหาของการกระจายอำนาจ
2. ประเด็นที่จะสอบ2 วิชาการบริหารการเงินการคลัง(Financial and Fiscal Management)
- ความสำคัญของการบริหารการเงินการคลังของ อปท.
- ความก้าวหน้า ปัญหา และอุปสรรคของการกระจายอำนาจด้านการคลัง
3. ประเด็นที่จะสอบ3 วิชาการบริหารการเงินการคลัง(Financial and Fiscal Management)
- การกำหนดภาระหน้าที่ให้แก่ อปท.
- รายได้และรายจ่ายของอปท.
- การคิดสัดส่วนรายได้ของท้องถิ่น
- การกำหนดรายรับให้แก่ อปท.
- การประมาณการรายได้และการจัดทำงบประมาณรายจ่าย
4. ประเด็นที่จะสอบ4 วิชาการบริหารการเงินการคลัง(Financial and Fiscal Management)
- ระบบเงินโอนและเงินอุดหนุนของรัฐบาลที่ให้แก่ อปท.
- แนวทางการจัดสรรเงินอุดหนุนของท้องถิ่น
5. ประเด็นที่จะสอบ5 วิชาการบริหารการเงินการคลัง(Financial and Fiscal Management)
- กรอบการกู้ยืมเงินของ อปท.
- การลงทุนและการกู้ยืม
- วินัยทางการเงินการคลังท้องถิ่น
6. ประเด็นที่จะสอบ6 วิชาการบริหารการเงินการคลัง(Financial and Fiscal Management)
- ระบบงบประมาณ
- แนวทางการจัดสรรงบประมาณ
- แนวคิดใหม่ๆในการบริหารการเงินการคลังของ อปท.
- การจัดสรรเงินอุดหนุนให้ท้องถิ่นแนวใหม่
- ระบบการจัดสรรรายได้ให้แก่อปท.ในอนาคต

ขอให้โชคดีในการสอบ

ปล.

ไม่ต้องตกใจอ่านในประเด็นดังกล่าวรับรองสอบผ่าน ถ้าอ่านภายใน 15 นาทีนี้ A แน่นอน
(เพราะ ก ข ค ง ง่ายนิดเดียว)

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551

รายนามผู้บริจาค เพื่อ การแข่งขันกีฬา ออนซอนสิงห์เฒ่าครั้งที่ 1 ห้อง 1

ลำดับ ชื่อ - สกุล จำนวนเงิน หมายเหตุ
1 นายเทน บุตรจันทร์ 300
2 นางเสาวภา ภะวัง 100
3 นายสันติราษฎร์ ภะวัง 100
4 นายบุญหนัก ทำนุ 1,000
5 นางสมจิตร บุญแน่น 100
6 นายวิทยา คชยาพันธ์ 100
7 นายเสกสรรค์ แสงใบ 100
8 นางณัฐสุดา เพชรศักดา 100
9 นางพาชื่น นิรมล 100
10 นายสนอง ใจเย็น 100
11 นายบุญเทียม ยาโล 3,000 ประธานห้อง
12 นายผ่อน เวทนา 200
13 นายกังวาล บุญเลิง 200
14 นายพงศ์ฐนชัย มาลี 200
15 นายกำพล สายลาด 500
16 นายกิตติชัย ไพกะเพศ 100
17 นายประเสริฐ ทองคำ 100
18 นายศรศิลป์ เหล่าอุ่นอ่อน 120
19 นายกองสูน สายแวว 1,000
20 นายคำภา เชื้อคง 1,000 รองประธานห้อง
21 นายสิทธิพร ครองยุทธ 100
22 นายอภินันทวัฒน์ นิยมวงค์ 100
23 นายจีม บุญเสริฐ 100
24 นายสุพล จันทร์เพ็ญ 500
25 นายณัฐวุฒิ วงษ์ชาลี 100
26 นายเทวิน คูณธาการ 100
27 นางวินิจฉัย จันจำปา กำลังพิจารณา
28 นายวัสพล ลาพ้น 100
29 น.ส.ณัฐกานต์ วิภาคาร 100
30 นายจิตจำนง รูปแกะ 100
31 ด.ต.เรียนชัย พาสุข 300
32 นางเยาวลักษณ์ จันทรพรม 200
33 นายชาญชัย กรรมจันทร์ 100
34 นายทินกร พุ่มจันทร์ 100
35 นายมานะ สำเภาศรี 100
36 นายบัวผัน สุขนิจ 300
37 นายชู ธารารมย์ 100
38 นายน้อย โมฬีชาติ 100
39 นายสุพิศ สนุกพันธ์ 100
40 นายชาลี เฉลิมรัตน์ 100
41 นายทวี คงดี 200
42 นายกัมพล มุธระพัฒน์ กำลังพิจารณา
43 น.ส.อุไร โสภาพ 100
44 นายครรชิต บุญเนตร 200
45 นายคำตัน วงค์ดวน 200
46 นายปิยะวัฒน์ บุระมาศ 100
47 นายปฏิวัติ มารมย์ 100
48 นายบัณฑิต ผดาวัลย์ 100
49 นางโอสถ รุ่งเรือง 100
50 นายเปลี่ยน แก้วจันทร์ 300
51 นายประสิทธิ์ ดวงโสมา 300
52 นายทองสี เหลาสาร 100
53 นายประจักร์ คำศรี 100
54 นายคมสันต์ ตัดโท 200
55 นายสมาน เบ้าเงิน 120
56 นายสมพร คำศรี 100
57 นายธีรพล บรรพตาธิ 100
58 นายสุวรรณ ตระการไทย 200
59 นายพรชัย ชมบูรณ์ 200
60 นายวิชัย ขันชะลี 200
61 น.ส.เพียงพร ส่งเสริม 100
62 นางปาริชาต จิตทวี 100
63 นายสุวรรณ อัปกาญจน์ 300
64 นางสุรีพันธ์ สิตะวัน 200
65 นายสมเนตร แววคุ้ม 100
66 นายสุริยา พันวัตร 200
67 นายคิมหันต์ พิบูลย์บุญ 100
68 นายทวี ประสมทอง 100
69 นายวานิช พานเงิน 200
70 นายสมคิด แขมารัมย์ 200
71 นายชนะเลิศ หารสาร 100
72 นายทองใส แสงอุทัย 200
73 นายประภาส กาหลง 500
74 นางสมลักษณ์ พุ่มจันทร์ 100
75 นายสวัสดิ์ ศรีจันดี 100
76 นางสุปรียา ทองศรี กำลังพิจารณา
77 นายประเทือง สีมาคำ 100
78 น.ส.วิยรัส นามแสน 100
79 น.ส.อุไรวรรณ ศรีมุ่งเมือง 100
80 นายเจษฎาพงษ์ พละบุตร กำลังพิจารณา
81 นางเกตน์นิภา เดชคุณ 200
82 นายไพบูลย์ พิมพ์รัตน์ 300
83 นายศิรวัฒน์ มหาลี 100
84 นายวีระกุล ทองรักษา 100
85 นายบุญเลิศ ผ่องราศรี 300
86 นายสถาพร แสงทอง 100
87 น.ส.กิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม 100
88 นายธัญญกฤษฏิ์ บุญอารีย์ 200
89 นายลือชัย สุพรรณนนท์ 300
90 นายบัวลา อุ่นใจ 200
91 นายเพิ่มศักดิ์ พันธ์เพ็ง 590
92 นายสุพงษ์ มงคลพล 500
93 นายพิบูลย์ศักดิ์ กุลโชติ 100
94 นายทองหล่อ สาระพันธ์ 300
95 นางประถม เหลืองงาม 200
96 นายสุวิทย์ สัมผัสบุญ 200
97 นายทองใบ แสวงทรัพย์ 200
98 นายสุธรรม คำขาว 200
99 นายสังวาล บุตรศรี 100
100 นายอุดร บุตรดาพงษ์ 100
101 นายประเสริฐ ติละบาล 100
102 นายประยูร อเนกา 2000
103 นายเจริญ ภานะโสต 1,000
104 นายเกษม ดวงศรี 100
105 นายปราโมทย์ ทองคง 100
106 นายวิเชียร ผลดี 100
107 นายประเสริฐ โสรส 100
108 นางณัฐนันท์ ภิรมย์รักษ์ กำลังพิจารณา
109 นายเกียรติประวัติ ระติเดช 100
110 นางทิพยา จันทร์ทรง 100
111 นายปิยวัฒน์ โพอุทัย 100
112 นายชวลิต วังศรีแก้ว 100
113 นางกมลทิพย์ วงศ์นามเถาว์ 100
114 นายประยูร กุลศิลป์ 200
115 นางผ่องศรี วงศ์จันทรา 100
116 นางชุลีพร ทาวะรมย์ 20
117 นายอนุสรณ์ หอมพิกุล 100
118 นายบุญมา ศรีบุระ 500
119 นายประดิษฐ พิลารักษ์ 100
120 นายพุทธา พรมสอาด 100
121 นายสมัย เรืองเนตร 100
122 นายสามารถ เจริญชาติ 100
123 นายชัยวัฒน์ สวัสดิ์ศรี 100 เลขาห้อง
124 นายอนันต์ ธรรมนิยม 100
125 นายประสิทธิ์ โทบุตร 500
126 น.ส.รัชนีกร กองแก้ว 100
127 นางเต็มใจ คำหมูน 100
128 น.ส.เนาวรัตน์ นาสา 100
129 นายประภาส สิงหชาติ 100
130 นายทรงพล เวียงคำ 100
131 นายวิเชียร อัครธรรม 100
132 นายโพธิ์ นามฮุง 100
133 จ.อ.หาญชัย ลาวัลย์ 100
134 นายภูรินท์ภัทร์ อธิธนผลกิติบดี 100
135 นางสุคนธ์ ทิพย์ขันธ์ 100 จ่ายแล้ว14/ก.ย./51
136 น.ส.ปรียานุช แก้วถาวร 100
137 นางสินีนาถ นิลวันดี 100
138 นางรสสุคนธ์ แสงสว่าง 100
139 นางสุมล สวัสดิภาพ 100
140 นายวิทยากรณ์ กองทุ่งมน 100
141 นายณคร อร่ามรุ่งเรืองศรี 100
142 นายประดิษฐ์ ผูกพันธ์ 100

รวมยอดเงินบริจาค ตัวเลข - บาท

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2551

คำสั่งห้อง 1 ที่ 1/2551






คำสั่ง ห้อง 1
ที่ 1 / 2551
เรื่อง การแต่งตั้งคณะทำงานกีฬาออนซอนสิงห์เฒ่า ครั้งที่ 1
*****************************************
ด้วยคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้จัดกิจกรรมกีฬาเพื่อเชื่อมความสัมพันธไมตรี และสร้างความสามัคคี ระหว่าง นักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาการปกครองท้องถิ่น รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ภายใต้โครงการการแข่งขันกีฬาออนซอนสิงห์เฒ่า ครั้งที่ 1 ในวันที่ 19 ตุลาคม2551 นั้น
เพื่อให้การดำเนินงานโครงการดังกล่าวบรรลุวัตถุประสงค์จึงขอแต่งตั้งคณะทำงานของนักศึกษาหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาการปกครองท้องถิ่น ห้อง 1 ดังนี้
1. ฝ่ายอำนวยการ
นายเทน บุตรจันทร์ นายก อบต. เป้า
นายบุญหนัก ทำนุ นายก อบต. โนนสมบูรณ์
นายกำพล สายลาด นายก อบต. ห้วยขะยุง
นายประเสริฐ ทองคำ นายก อบต. หนองแสงใหญ่
นายกองสูน สายแวว นายก อบต. แพงใหญ่
นายคำภา เชื้อคง นายก อบต. ทุ่งเทิง
นายสุพล จันทร์เพ็ญ นายก อบต. โคกก่อง
นายบัวผัน สุขนิจ นายก อบต. กุดลาด
นายคำตัน วงศ์ดวน นายก อบต. ดอนใหญ่
นายสุวรรณ อัปกาญจน์ นายก อบต. หนองเต่า
นายประภาส กาหลง นายก อบต. โนนกาหลง
นายลือชัย สุพรรณนนท์ นายก อบต. โพธิ์ไทร
นายเพิ่มศักดิ์ พันธ์เพ็ง นายก อบต. หนองกุง
นายสุพงษ์ มงคลพล นายก อบต. สารภี
นางประถม เหลืองงาม นายก อบต. คำหว้า
นายอุดร บุตรดาพงษ์ นายก อบต. โคกสะอาด
นายประยูร อเนกา นายก อบต. หนองทันน้ำ
นายเจริญ ภานะโสต นายก อบต. กลาง
นายประยูร กุลศิลป์ นายก อบต. ทรายมูล
นายบุญมา ศรีบุระ นายก อบต. สำโรง
นายสมัย เรืองเนตร นายก อบต. สำโรง
นายประสิทธิ์ โทบุตร นายก อบต. นาสะไม
นายนคร อร่ามรุ่งเรื่องศรี นายก อบต. สร้างถ่อ

2. ฝ่ายปฏิคม
นางสมจิตร บุญแน่น รองนายก อบต. โนนสมบูรณ์
นายสอนอง ใจเย็น รองนายก อบต. เหล่าเสือโก้ก
นายผ่อน เวทนา รองนายก อบต. แก้ง
นายเทวิน คูณธาการ รองนายก อบต. โคกก่อง
นายจิตจำนง รูปแกะ รองนายก อบต. หนองบก
นายปฏิวัติ มารมย์ รองนายก อบต. สหธาตุ
นายสุพิศ สนุกพันธ์ รองนายก อบต. กุดลาด
นายเปลี่ยน แก้วจันทร์ รองนายก อบต. บุเปือย
นายประสิทธิ์ ดวงมา รองนายก อบต. บุเปือย
นายสุริยา พันวัตร รองนายก อบต. ปะอาว
นายทองใส แสงอุทัย รองนายก อบต. เหล่าแดง
นายชนะเลิศ หารสาร รองนายก อบต. เหล่าแดง
นายไพบูลย์ พิมพ์รัตน์ รองนายก อบต. ดอนมดแดง
นายบุญเลิศ ผ่องราศี รองนายก อบต. บ้านไทย
นายสถาพร แสงทอง รองนายก อบต. บ้านไทย
นายบัวลา อุ่นใจ รองนายก อบต. หนองกุง
นายสุวิทย์ สัมผัสบุญ รองนายก อบต. คำหว้า
นายทองใบ แสวงทรัพย์ รองนายก อบต. คำหว้า
นายประเสริฐ ติละบาล รองนายก อบต. โคกสะอาด
นายเกษม ดวงศรี รองนายก อบต. ระเว
นายประดิษฐ์ พิลารักษ์ รองนายก อบต. สำโรง
นายพุทธา พรมสะอาด รองนายก อบต. สำโรง
นายสามารถ เจริญชาติ รองนายก อบต. สำโรง
นายวิเชียร อัครธรรม รองนายก อบต. โคกสว่าง
นายโพธิ์ นามฮุง รองนายก อบต. โคกสว่าง
นางรสสุคนธ์ แสงสว่าง รองนายก อบต. ธาตุน้อย

3. ฝ่ายจัดสถานที่
นายอำนวย สุวะมาศ นายก อบต. ไร่น้อย
นายกิตติชัย ไพกะเพศ ประธานสภา อบต.ห้วยขะยุง
นายสวัสดิ์ ศรีจันดี ประธานสภา อบต.ท่าลาด
นายทองสี เหลาสาร รองประธานสภา อบต. บุเปือย
นายประเทือง ศรีมาคำ รองประธานสภา อบต. ท่าลาด
นายน้อย โมฬีชาติ รองประธานสภา อบต. ท่าลาด นายประจักร คำศรี ส.อบต. บุเปือย
นายคมสันต์ ตัดโท ส.อบต. บุเปือย
นายสมาน เบ้าเงิน ส.อบต. บุเปือย
นายสมพร คำศรี ส.อบต. บุเปือย
นายธีรพล พรรพตาธิ ส.อบต. บุเปือย
นายอนันต์ ธรรมนิยม ส.อบต.นาสะไม
นายชาลี เฉลิมรัตน์ ส.อบต. กุดลาด
นายทวี คงดี ส.อบต. กุดลาด
นายกัมพล มุธระพัฒน์ ส.อบต. กุดลาด
นางสุคนธ์ ทิพย์ขันธ์ ส.อบต.ไร่น้อย
นางผ่องศรี วงศ์จันทรา เลขานุการ สภา อบต.ทรายมูล
น.ส.กิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม เจ้าหน้าที่ธุรการอบต.ยางขี้นก
นางชุลีพร ทาวะรมย์ ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี อบต.ทรายมูล
นายอนุสรณ์ หอมพิกุล ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่จัดเก็บรายได้ อบต. ทรายมูล
นางสาวปรียานุช แก้วถาวร ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.ไร่น้อย

4. ฝ่ายพยาบาล
นายสมเนตร แววคุ้ม นายก อบต. ปะอาว
นายครรชิต บุญเนตร รองประธาน สภา อบต. ดอนใหญ่
นายทองหล่อ สาระพันธ์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุข เทศบาลเมืองเดช
นางณัฐสุดา เพชรศักดา ผู้ช่วยเจ้าพนักงานธุรการ อบต.โนนสมบูรณ์
นางเสาวภา ภะวัง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล อบต. เป้า
นางสาวเพียงพร ส่งเสริม ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี อบต.หัวดอน
นางปาริชาติ จิตทวี ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.หัวดอน
นางวินิจฉัย จันจำปา ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.นาตาล
นางสุปรียา ทองศรี ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.ท่าลาด
นางสาววิยรัส นามแสง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.หนองเหล่า
นางสาวอุไรวรรณ ศรีมุ่งเมือง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล อบต. หนองเหล่า
นางเกตน์นิภา เดชคุณ เจ้าหน้าที่พัสดุ อบต. แจระแม
นางสินีนาถ นิลวัลดี ลูกจ้างประจำ อบต. หนองกินเพล

5. ฝ่ายอาหาร / เครื่องดื่ม
นายชาญชัย พรรมจันทร์ ประธานสภา อบต.อ่างศิลา
นายชู ธารารมย์ ประธานสภา อบต.กุดลาด
นายคิมหันต์ พิบูลย์บุญ ประธานสภา อบต.ปะอาว
นางเต็มใจ คำหมูน ประธาน สภา อบต.นาสะไม
นางสุมล สวัสดิภาพ ส.อบต. สร้างถ่อ
นายประดิษฐ์ ผูกพัน ส.อบต. สร้างถ่อ
นายประเสร็ฐ โสรส ส.ท.ห้วยขะยุง
นางพาชื่น นิรมล ส.อบต. โนนสมบูรณ์
นายทินกร พุ่มจันทร์ ส.อบต. อ่างศิลา
นายบัณฑิต ผดาวัลย์ ส.อบต. สหธาตุ
นายวีระกุล ทองรักษา ส.อบต. เมืองเดช
นายทวี ประสมทอง เลขานุการ สภา อบต. ปะอาว
นางโอสถ รุ่งเรือง เลขานุการ สภา อบต. สหธาตุ
นายวานิช พานเงิน ส.อบต. ปะอาว
นายวัสพล ลาพ้น นักวิชาการศึกษา อบต. หนองบก
นางเยาวลักษณ์ จันทรพรม เจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.อ่างศิลา นางสุรีพันธ์ สิตะวัน ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี อบต.หนองเต่า
นางสมรักษ์ พุ่มจันทร์ ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต.โนนกาหลง
นายศิรวัฒน์ มาหาลี พนักงานจ้างตามภารกิจ อบต.เมืองเดช
นายปราโมทย์ ทองคง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ อบต. ระเว
นายณัฐนันทร์ ภิรมย์รักษ์ จ้าหน้าที่ธุรการ เทศบาลห้วยขะยุง
นายเกียรติประวัติ ระติเดช พนักงานผลิตน้ำประปา เทศบาลห้วยขะยุง
นางทิพยา จันทร์ทรง ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ เทศบาลห้วยขะยุง
นางกมลทิพย์ เชื้อชม คน งาน เทศบาลห้วยขะยุง
นางสาวรัชนีกร กองแก้ว ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่จัดเก็บรายได้ อบต.นาสะไม
นายชัยวัฒน์ สวัสดิ์ศรี เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายแลแผน อบต.นาสะไม

6. ฝ่ายประสานงานทั่วไป/รักษาความสงบเรียบร้อย
นายสุวรรณ ตระการไทย ประธานสภา อบต. หัวดอน
นายวิทยา คชยาพันธ์ ส.อบต. โนนสมบูรณ์
นายเสกสรร แสงใบ ส.อบต. โนนสมบูรณ์
นายกังวาล บุญเลิง ส.อบต. แก้ง
นางพวศ์ฐนชัย มาลี ส.อบต. แก้ง
นายสิทธิพร ครองยุทธ ส.อบต. โคกก่อง
นายจีม บูญเสริฐ ส.อบต. โคกก่อง
นายณัฐวุฒิ วงษ์ชาลี ส.อบต. โคกก่อง
ด.ต.เรียนชัย พาสุข ส.อบต. หนองบก
นายมานะ สำเภาศรี ส.อบต. อ่างศิลา
นายพรชัย ชมบูรณ์ ส.อบต. หัวดอน
นายวิชัย ขันชะลี ส.อบต. หัวดอน
นายสมคิด แขมารมย์ ส.อบต. ปะอาว
นายธัญญกฤษฏิ์ บุญอารีย์ ส.อบต. ยางขี้นก
นายพิบูลย์ศักดิ์ กุลโชติ ส.อบต. สารภี
นายสุธรรม คำขาว ส.อบต. คำหว้า
นายสังวาล บุตรศรี ส.อบต. โคกสะอาด
นายวิเชียร มั่นวงศ์ ส.อบต. ระเว
นายประภาศ สิงหชาติ ส.อบต. โคกสว่าง
นายศรศิป์ เหล่าอุ่นอ่อน หัวหน้าส่วนโยธา อบต. สองคอน
นายอภินันทวัฒน์ นิยมวงศ์ ช่างโยธา อบต. โคกก่อง
นายชวลิต วังศรีแก้ว ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ป้องกัน เทศบาลห้วยขะยุง
นายทรงพล เวียงคำ นักการ อบตงโคกสว่าง
จ.อ. หาญชัย ลาวัลย์ เจ้าหน้าที่ป้องกันฯ เทศบาลตำบลนาส่วง
นายวิทยากรณ์ กองทุ่งมน นายช่างโยธา อบต.สร้างถ่อ
เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวสำเร็จลุล่วงและสนุกสนานตามวัยขอให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เต็มใจ และเต็มเวลา ต่อไป
สั่ง ณ วันที่ 14 เดือน กันยายน พ.ศ. 2551

(ลงชื่อ) บุญเทียม ยาโล
(นายบุญเทียม ยาโล)
ประธาน ห้อง 1

แบบเสื้อห้อง 1 (สีแสด) เพราะเราคือ สิงห์แสด

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2551

รายชื่อนักกีฬา ห้อง 1 (ออนซอนสิงห์เฒ่าครั้งที่ 1)

ทีม ปิดตาตีหม้อ (ชาย) ห้อง 1

1 นายสังวาล บุตรศรี
2 นายสามารถ เจริญชาติ
3 นายโพธิ นามฮุง
4 นายจิตจำนง รูปแกะ
5 นายทองหล่อ สาระพันธ์
6 นายประจักร์ คำศรี
7 นายบัณฑิต ผดาวัลย์
8 นายประดิษฐ์ ผูกพัน
9 นายปิยะวัฒน์ บุรามาศ

เตะปี๊ป (เฉพาะชายที่อายุ 50 ขึ้นเท่านั้น )

- นายณคร อร่ามรุ่งเรืองศรี
- นายประดิษฐ์ พิลารักษ์
- นายพุทธา พรมสะอาด
- นายสมเนตร แววคุ้ม
- นายประเสริฐ ติละบาล
- นายประเสริฐ โสรส
- นายบุญเลิศ ผ่องราศี
- นายสนอง ใจเย็น
- ด.ต. เรียนชัย พาสุข
- นายน้อย โมฬีชาติ
- นายชาลี เฉลิมรัตน์

ทีมตระกร้อชาย

- นายทองใบ แสวงทรัพย์
- นายวิทยา คชยาพันธ์
- นายประสิทธิ์ ดวงโสมา
- นายชวลิต วังศรีแก้ว
- นายวิเชียร อัครธรรม
- นายประภาส สิงหชาติ
- นายทรงพล เวียงคำ
- นายวิเชียร ผลดี
- นายเกษม ดวงศรี
- นายเทน บุตรจันทร์
- นายชัยวัฒน์ สวัสดิ์ศรี

ทีมเอวมันพันธุ์ซ่าส์ ( เฉพาะชาย )

- นายคมสันต์ ตัดโท
- นายประเสริฐ ติละบาล
- นายประสิทธิ์ ดวงโสมา
- นายเทน บุตรจันทร์
- นายสันติราษฎร์ ภะวัง
- นายประจักร์ คำศรี
- นายเปลี่ยน แก้วจันทร์
- นายสุวรรณ อัปกาญจน์
- นายประเสริฐ ทองคำ
- จ.อ.หาญชัย ลาวัลย์

ทีมฟุตซอล ( หญิง )

- นางสาวเพียรพร ส่งเสริม
- นางชุลีพร ทาวะรมย์
- นางสาวณัฐกานต์ วิภาคาร
- นางอุไร โสภาพ
- นางสาวกิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม
- นางปาริชาติ จิตทวี
- นางกมลทิพย์ วงศ์นามเถาว์
- นางผ่องศรี วงศ์จันทรา
- นางโอสถ รุ่งเรือง
- นางสาวเนาวรัตน์ นาสา
- นางสาวรัชนีกร กองแก้ว
- นางสุรีพันธ์ สิตะวัน
-นางเสาวภา ภะวัง

ทีมแชร์บอล ( หญิง )

- นางทิพยา จันทร์ทรง
- นางสินีนาถ นิลวันดี
- นางกมลทิพย์ วงศ์นามเถาว์
- นางเต็มใจ คำหมูน
- นางโอสถ รุ่งเรือง
- นางผ่องศรี วงศ์จันทรา
- นางสาวกิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม
- นางสาวเพียงพร ส่งเสริม
- นางณัฐสุดา เพชรศักดา
- นางปาริชาต จิตทวี
- นางอุไร โสภาพ
- นางสุคนธ์ ทิพย์ขันธ์
- นางสาวเนาวรัตน์ นาสา
- นางสาวรัชนีกร กองแก้ว
- นางสาวณัฐกานต์ วิภาคาร
- นางเสาวภา ภะวัง

ทีมวอลเลย์บอล ( หญิง )

- นางสาวเพียงพร ส่งเสริม
- นางสาวกิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม
- นางปาริชาต จิตทวี
- นางกมลทิพย์ วงศ์นามเถาว์
- นางชุลีพร ทาวะรมย์
- นางสาวณัฐกานต์ วิภาคาร
- นางสุคนธ์ ทิพย์ขันธ์
- นางสาวเนาวรัตน์ นาสา
- นางสาวอุไรวรรณ ศรีมุ่งเมือง
- นางสาววิยรัส นามแสน

ทีมฟุตซอล( ชาย )

- นายทินกร พุ่มจันทร์
- นายสมคิด แขมารัมย์
- นายสุริยา พันวัตร
- นายอนุสรณ์ หอมพิกุล
- นายวิชัย ขันชะลี
- นายทองใบ แสวงทรัพย์
- นายธัญญกฤษฎ์ บุญอารีย์
- นายกังวาล บุญเลิง
- นายวิทยา คชยาพันธ์
- นายสมาน เบ้าเงิน
- นายธีรพล บรรพตาธิ
- นายเสกสรร แสงใบ
- นายเกษม ดวงศรี
- นายวิเชียร ผลดี
- นายสิทธิพร ครองยุทธ
- นายอนันต์ ธรรมนิยม
- นายคิมหันต์ พิบูลย์บุญ
- นายปิยวัฒน์ โพอุทัย
- นายทองใส แสงอุทัย

ทีมวอลเลย์บอล ( ชาย )

- นายปิยะวัฒน์ บุระมาศ
- นายชาญชัย กรรมจันทร์
- นายทินกร พุ่มจันทร์
- นายสมาน เบ้าเงิน
- นายวิทยา คชยาพันธ์
- นายธีรพล บรรพตาธิ
- นายชัยวัฒน์ สวัสดิ์ศรี
- นายทองใบ แสวงทรัพย์
- นายทองใส แสงอุทัย
- นายอนุสรณ์ หอมพิกุล

ปิดตาตีหม้อ หญิง

-น.ส.กิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม หัวหน้า
-นางผ่องศรี วงศ์จันทรา
-นางอุไร โสภาพ

เม้าท์ทูเม้าท์

-นายปิยะวัฒน์ บุระมาศ หัวหน้า
-น.ส.กิตติยาภรณ์ สิทธิธรรม
-นางผ่องศรี วงศ์จันทรา
-นางโอสถ รุ่งเรือง
-นายบุญเลิศ ผ่องราศรี
-นายเจริญ ภานะโสต
-นายทวี ประสมทอง
-นายประดิษฐ์ ผูกพันธ์
-นางรสสุคนธ์ แสงสว่าง
-นายปฏิวัติ นารมย์

เชียร์หลีดเดอร์

-นายคำภา เชื้อคง หัวหน้า
-นายปิยะวัฒน์ บุระมาศ
-นางรสสุคนธ์ แสงสว่าง
-นางเยาวลักษณ์ จันทร์พรม
-นางสมลักษณ์ พุ่มจันทร์
-นายวีระกุล ทองรักษา
-นายภูรินท์ภัทร์ อธิธนผลกิติบดี
-นางสุคนธ์ ทิพย์ขันธ์
-น.ส.เพียงพร ส่งเสริม
-นางปาริชาต จิตทวี
-น.ส.ณัฐกานต์ วิภาการ
-นางณัชสุดา เพชรศักดา
-นางโอสถ รุ่งเรือง
-นางประถม เหลืองงาม
-นางวินิตฉัย จันจำปา
-นางเกตน์นิภา เดชคุณ
-นายทวี ประสมทอง
-นายปรดิษฐ์ ผูกพันธ์
-นายชนะเลิศ หารสาร
-นายไพบูลย์ พิมรัตน์

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วิชาการบริหารการเงินการคลังท้องถิ่น

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2551
การบ้าน

-ให้อธิบายประเภทของเงินอุดหนุนอย่างน้อย 2 ประเภท พร้อมยกตัวอย่างใน อปท.
อ.ปวีณา คำพุกกะ
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2551
คำถาม
ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรต่อระบบการจัดเก็บภาษีในอปทของท่าน

คำถาม
การถ่ายโอนภารกิจที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้อปท.มีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่ 6 ด้าน ท่านคิดว่าในอปท.ของท่านด้านใดมีปัญหาที่สุดเพราะเหตุใด

-ด้านโครงสร้างพื้นฐาน
-ด้านส่งเสริมคุณภาพชีวิต
-ด้านจัดระเบียบชุมชนสังคมและรักษาความสงบเรียบร้อย
-ด้านการวางแผนงาน การลงทุน พาณิชย์และการท่องเที่ยว
-ด้านบริหารจัดการและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
-ศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญา
(อ.รัชนี แสงศิริ)
วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2551
โจทย์

1. ความเป็นอิสระทางการเงินการคลังของ อปท.หมายถึงอะไร
2. ให้ยกตัวอย่างการบริหารการเงินการคลังส่วนท้องถิ่นที่ไม่มีประสิทธิภาพใน อปท.ของท่านให้เสนอแนะวิธีแก้ไข
(อ.ดุสิต จักรศิลป์)
การบ้าน วันอาทิตย์ ที่ 24 สิงหาคม 2551
ข้อดี-ข้อเสียของการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.
ข้อดี
1. ตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นได้ดี
2. แบ่งเบาภาระของกระทรวง ทบวง กรม
(ส่วนกลาง)
3. เป็นต้น
ข้อเสีย1. อาจเป็นภัยต่อเอกภาพการปกครองของประเทศ
2. ประชาชนอาจเห็นความสำคัญของท้องถิ่นมากกว่าประเทศชาติ
3. เป็นต้น

(อ.ปวีณา คำพุกกะ)

วิชาจริยธรรมสำหรับผู้บริหาร

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน 2551
บ่าย พระอาจารย์สว่าง กัลยาโณ
-จริยธรรม คือ ความประพฤติ
-ศีลธรรม คือ ความเป็นกลาง
-คุณธรรม คือ เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่
เป็นต้น ฯลฯ

เช้า งานกลุ่ม
- ถ้าท้องถิ่นของท่านเป็นเหมือน สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ท่านจะแก้ปัญหาอย่างไร
1.ภายใต้กรอบจริยธรรม
2.ภายนอกกรอบจริยธรรม
อ.วิภาพรรณ ตระกูลสันติรัตน์
วันเสาร์ที่ 13 กันยายน 2551
บ่าย ฟังพระเทศวัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี
สรุป
หัวใจของผ้บริหารสายพันธ์ใหม่

- ฉลาด
- รู้ดี
- ขยัน
- สามารถ
- สุภาพ
- กลยุทธ์
- ศรัทธา
- ความฝัน
- การลงมือทำ
- การทำอย่างต่อเนื่อง
- วิสัยทัศน์
- พันธกิจ
- กำไร
" สิ่งที่ควรทำคือ ความดี สิ่งที่ควรจำคือ คุณธรรม สิ่งที่ทำคือกตัญญู"

เช้า อ.วิภาพรรณ ไม่สอบ
วันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2551
บ่าย
ฟังเทศ
พระราชภาวนาวิกรม วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี

-สุขภาพจิต
-สุขภาพกาย
-การทำงาน
-ปัจจัยสี่
-ไฟดับ
-การมองโลกในแง่ดี
-ไฟดับ
ให้พร

เช้า
เก็บคะแนนเดี่ยว 10 คะแนน เช้า


* ให้เลือกความขัดแย้งดังต่อไปนี้เพียง 1 อย่างได้แก่
- ความขัดแย้งของอำนาจหน้าที่
- ความขัดแย้งของบทบาท
- ความขัดแย้งของผลประโยชน์

นำมาใช้อธิบายเหตุการณ์ที่พบได้บ่อยในการทำงานจากประสบการณ์จริงของนักศึกษา
วิเคราะห์ว่าเป็นเพราะเหตุใด
และจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร

(อ.วิภาพรรณ ตระกูลสันติรัตน์)

วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2551
โจทย์เช้า

ให้ใช้ประสบการณ์จากการทำงานในการบริหารท้องถิ่น เกี่ยวกับ
- ความรับผิดชอบในหน้าที่
- ความรับผิดชอบตามจิตสำนึก
ยกตัวอย่างและอธิบายเหตุผลมาให้เข้าใจ ว่ามันมีความขัดแย้งกันหรือไม่ในทางปฏิบัติและท่านมีวิธีการตัดสินใจอย่างไร
(อ.วิภาพรรณ)

บ่าย
คุณธรรม 10 ประการ สำหรับผู้บริหาร
(พระพุทธวราธิคุณ)

1. ทาน
2. ศีล
3. ปริจาคะ (บริจาค)
4. อาสะวะ (ความซื่อตรง)
5. มัธวะ (ความอ่อนโยน)
6. ตะบะ (การบำเพ็ญตะบะ)
7. ขันติ (ความอดทน)
8. วิหิงสา (ไม่เบียดเบียน)
9. อโกธะ (การไม่โกรธ)
10.อวิโรธะนะ (ไม่ฉุนเฉียว)

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2551

รายการและประเภทกีฬาทั้ง 13 รายการ

รายการและประเภทกีฬาทั้ง 13 รายการ
การแข่งขันกีฬา ออนซอนสิงห์เฒ่า ครั้งที่ 1
(ประจำปีการศึกษา 2551)
ประเภทกีฬา

1. วอลเลย์บอล (ชาย-หญิง)
2. แชร์บอล (เฉพาะหญิง)
3. ฟุตซอล (ชาย-หญิง)
4. ตระกร้อ (เฉพาะชาย)
5. กีฬาพื้นบ้าน ได้แก่
5.1 ปิดตาตีหม้อ(ชาย-หญิง)
5.2 เตะปี๊บ (เฉพาะชายที่อายุ 50 ขึ้นเท่านั้น)
5.3 เอวมันพันธุ์ซ่าส์ (เฉพาะชาย)
5.4 เม้าท์ทูเม้าท์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละทีมว่าจะส่งนักกีฬาเพศใดร่วมแข่งขัน)
5.5 เหยียบไข่วัยมัน (แข่งเป็นคู่ ชาย 1 หญิง 1)
5.6 ประกวดหลีดเดอร์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละทีมว่าจะส่งนักกีฬาเพศใดร่วมแข่งขัน)
การแข่งขันกีฬาแต่และประเภท จะแบ่งเป็น 4 ทีม คือ
รุ่น 1 ประกอบด้วย 3 ทีม แบ่งเป็น

1) ทีมห้อง 1 สี....
2) ทีมห้อง 2 สี....
3) ทีมห้อง 3 สี....
รุ่น 2 ประกอบด้วย 1 ทีม (รวม 2 ห้อง เป็น 1 ทีม) สี....
โดยแต่ละทีมจะประกอบไปด้วยนักกีฬา และกองเชียร์ กำหนดให้มีการแข่งขันใน
วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2551 เวลา 09.00 – 16.00 น. ดังรายละเอียดต่อไปนี้

1. วอลเลย์บอลชาย แบ่งเป็น 2 สาย สายละ 2 ทีม ทีมที่ชนะแต่ละสายเข้าชิง
ชนะเลิศในภาคบ่าย
2. วอลเลย์บอลหญิง แบ่งเป็น 2 สาย สายละ 2 ทีม ทีมที่ชนะแต่ละสายเข้าชิง
ชนะเลิศในภาคบ่าย
3. แชร์บอล หญิง แบ่งเป็น 2 สาย สายละ 2 ทีม ทีมที่ชนะแต่ละสายเข้าชิงชนะเลิศใน
ภาคบ่าย
4. ฟุตซอลชาย (ลงแข่งทีมละ 5 คน) แบ่งเป็น 2 สาย สายละ 2 ทีม ทีมที่ชนะแต่ละ
สายเข้าชิงชนะเลิศในภาคบ่าย
5. ฟุตซอลหญิง (ลงแข่งทีมละ 5 คน) แบ่งเป็น 2 สาย สายละ 2 ทีม ทีมที่ชนะแต่ละ
สายเข้าชิงชนะเลิศในภาคบ่าย
6. ตระกร้อชาย แบ่งเป็น 2 สาย สายละ 2 ทีม ทีมที่ชนะแต่ละสายเข้าชิงชนะเลิศใน
ภาคบ่าย
7. กีฬาพื้นบ้าน
7.1) ปิดตาตีหม้อชาย ส่งทีมละ 2 คน (แข่งรอบเดียวพร้อมกันทั้งหมด)
7.2) ปิดตาตีหม้อหญิง ส่งทีมละ 2 คน (แข่งรอบเดียวพร้อมกันทั้งหมด)
7.3) เตะปี๊บ เฉพาะชายที่อายุ 50 ขึ้นเท่านั้น(แข่งรอบเดียวพร้อมกันทั้งหมด)
7.4) เอวมันพันธุ์ซ่าส์ชาย (แข่งรอบเดียวพร้อมกันทั้งหมด)
7.5) เม้าท์ทูเม้าท์ ส่งทีมละ 10 คน ขึ้นอยู่กับแต่ละทีมว่าจะส่งนักกีฬา
เพศใดร่วมแข่งขัน (แข่งรอบเดียวพร้อมกันทั้งหมด)
7.6) เหยียบไข่วัยมัน ส่งทีมละ 1 คู่ (ชาย 1 หญิง 1) (แข่งรอบเดียวพร้อมกัน
ทั้งหมด)
7.7) ประกวดหลีดเดอร์ (ขึ้นอยู่กับแต่ละทีมว่าจะส่งนักกีฬาเพศใดร่วมแข่งขัน
อนุญาตให้บุคคลภายนอกมาร่วมประกวดในนามทีมใดทีมหนึ่งได้ โดยไม่จำกัดเงื่อนไขใดๆ เพื่อ
ความสนุกสนานครึกครื้น)
หมายเหตุ กฎ กติกา มารยาทในการแข่งขัน
- นักกีฬาที่มีสิทธิ์ลงแข่งขันในกีฬาทุกประเภท (ยกเว้นการประกวดหลีดเดอร์) ต้องเป็น
นักศึกษาของหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาการปกครองท้องถิ่น (โครงการพิเศษ)
คณะรัฐศาสตร์ ม.อุบลฯ ทั้ง 2 รุ่น เท่านั้น (หากจับได้ว่า มีการส่งบุคคลอื่นลงแข่งแทน ทีมนั้นจะถูก
ปรับแพ้ทันที)
- กีฬาแต่ละประเภท แต่ละทีมสามารถส่งนักกีฬาและตัวสำรองลงแข่งได้ไม่จำกัด
จำนวน
- การเปลี่ยนตัวของกีฬาแต่ละประเภท แต่ละทีมสามารถเปลี่ยนตัวสำรองลงแข่งได้ไม่
จำกัดครั้ง และจำนวน
รางวัลการแข่งขัน
- รางวัลชนะเลิศของแต่ละชนิดกีฬา
- รางวัลรองชนะเลิศของแต่ละชนิดกีฬา
- ประกาศนียบัตรสำหรับนักกีฬาที่เข้าร่วมกันการแข่งขันทุกคน

กำหนดการการแข่งขันกีฬา ออนซอนสิงห์เฒ่า ครั้งที่ 1

กำหนดการการแข่งขันกีฬา ออนซอนสิงห์เฒ่า ครั้งที่ 1
(ประจำปีการศึกษา 2551)
วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2551
08.30 น. ลงทะเบียน
09.00 น. - อ.ประเทือง ม่วงอ่อน รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา และ
ผู้อำนวยการหลักสูตรฯ กล่าวรายงานต่อศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ยุวัตน์
วุฒิเมธี (ประธานในพิธี)
- ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ยุวัตน์ วุฒิเมธี คณบดีคณะรัฐศาสตร์ กล่าว
เปิดงานและให้โอวาทแก่นักกีฬา

09.30-12.00 น. การแข่งขันกีฬาสากล (รอบคัดเลือก)
o วอลเลย์บอล (ชาย-หญิง)
o แชร์บอล (เฉพาะหญิง)
o ฟุตซอล(ชาย-หญิง)
o ตระกร้อ(เฉพาะชาย)
การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน (รอบคัดเลือก)
o ปิดตาตีหม้อ(ชาย-หญิง)
o เตะปี๊บ (เฉพาะชายที่อายุ 50 ขึ้นเท่านั้น)
o เอวมันพันธุ์ซ่าส์ (เฉพาะชาย)
o เม้าท์ทูเม้าท์
o เหยียบไข่วัยมัน
o ประกวดหลีดเดอร์
12.00-13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน ระหว่างอาจารย์ บุคลากร
นักศึกษา
13.00-15.00 น. การแข่งขันกีฬาสากล (รอบคัดเลือกต่อ)
15.00-16.00 น. การแข่งขันกีฬาสากล รอบชิงชนะเลิศ
16.00-16.30 น. พิธีมอบถ้วยรางวัลและพิธีปิดการแข่งขันกีฬา

วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2551

บทที่ 3 ผลการพัฒนาท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา

บทที่ 3 ผลการพัฒนาท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา


จากการดำเนินงานตามแผนพัฒนาขององค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ปีงบประมาณ 2551 ได้
สรุปผลการดำเนินงานตามโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจำแนกตามยุทธศาสตร์และแนวทางการ
พัฒนา ดังนี้


1. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน 3,197,000


แนวทางการพัฒนาที่ 1 ก่อสร้างและปรับปรุงบำรุงถนน สะพาน ทางเท้า ท่อระบายน้ำ
1 ซ่อมแซมถนนลูกรัง 100,000
2 ซ่อมแซมถนนคอนกรีต 100,000
3 ซ่อมแซมถนนลาดยาง 100,000
4 ซ่อมแซมศาลากลางบ้าน หมู่ที่ 9 50,000
5 ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 2 100,000
6 ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 6 500,000
7 ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 7 206,000
8 ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก หมู่ที่ 8 500,000
9 ก่อสร้างถนนดิน หมู่ที่ 5 100,000
10 ก่อสร้างท่อลอดเหลี่ยม (บอล์คคอนเวอร์ท) 686,000
แนวทางการพัฒนาที่ 2 พัฒนาระบบจราจร -
แนวทางการพัฒนาที่ 3 ขยายเขตไฟฟ้า ติดตั้งไฟส่องสว่างในทางสาธารณะ
11 โครงการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าและขยายเขตไฟฟ้า หมู่ที่ 12 150,000
12 โครงการติดตั้งหม้อแปลงไฟฟ้าและขยายเขตไฟฟ้า หมู่ที่ 4,5 425,000
13 ค่าพาดสายไฟฟ้าสาธารณะทุกหมู่บ้าน 150,000
14 ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมไฟฟ้าส่องสว่างสาธารณะ 30,000


2. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ 127,250


แนวทางการพัฒนาที่ 1 การพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน
15 โครงการจ้างนักเรียนนักศึกษา ทำงานในช่วงปิดภาคเรียน 40,000
16 ค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) 17,250
17 ค่าจัดซื้อพันธุ์ต้นกล้ายูคาลิปตัส 70,000
แนวทางการพัฒนาที่ 2 ส่งเสริมและเพิ่มทักษะอาชีพของครัวเรือนและกลุ่มอาชีพ -
แนวทางการพัฒนาที่ 3 สร้างความตระหนักแก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค -
แนวทางการพัฒนาที่ 4 สร้างตลาดร้านค้าชุมชน -


3. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการศึกษา 1,681,665


แนวทางการพัฒนาที่ 1 เพิ่มแหล่งรับรู้ข่าวสารที่ทันสมัยให้แก่ประชาชน

18 จัดซื้อหนังสือพิมพ์ 47,450
19 ค่าใช้จ่ายในการรับบริการอินเทอร์เน็ต 35,000
แนวทางการพัฒนาที่ 2 การฝึกอบรมและทุนการศึกษา
20 ระดับปริญญาตรี 318,000
21 ระดับปริญญาโท 60,000
แนวทางการพัฒนาที่ 3 การพัฒนาและการส่งเสริมการศึกษา
22 อุดหนุนโรงเรียนในเขตพื้นที่ 50,000
23 อุดหนุนค่าจัดซื้ออาหารกลางวัน ให้แก่ โรงเรียนประถม จำนวน 4 แห่ง รวม 377 คน 995,280
24 ค่าพาหนะเดินทางไป-กลับ ระหว่างหมู่บ้านถึงโรงเรียน ให้แก่ นักเรียน หมู่ที่ 1-13 150,000
ที่กำลังศึกษา ในโรงเรียนนาสะไมพิทยาคม ตำบลนาสะไม อำเภอตระการพืชผล
25 อุดหนุนค่าวัสดุการศึกษาเด็กเล็ก ศูนย์บ้านนาไฮ,น้ำคำ 18,135
26 ค่าวัสดุการศึกษาเด็กเล็ก ศูนย์บ้านหนองแดง 7,800


4. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและสิ่งแวดล้อม 1,282,000


แนวทางการพัฒนาที่ 1 จัดหาแหล่งน้ำ สำหรับการอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร
ให้แก่ประชาชน
27 ค่าจัดซื้อกระสอบเพื่อทำฝายกั้นน้ำ 35,000
28 ขุดลอกห้วยบ้าน หมู่ 2 98,000
29 ขุดลอกห้วยก้านเหลือง หมู่ 10 98,000
30 ขุดลอกหนองกะเสก หมู่ 3 198,000
31 ก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยไร่ (มข2527) หมู่ 5 489,000
32 ก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยม่วงตอนบน (มข2527) หมู่ 11 344,000
แนวทางการพัฒนาที่ 2 การพัฒนาสิ่งแวดล้อมและการอนุรักษ์ป่า
33 โครงการปลูกหญ้าแฝกเฉลิมพระเกียรติ 20,000

5. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต สตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ

และคนพิการ 4,593,759


แนวทางการพัฒนาที่ 1 เพิ่มโอกาส สิทธิ การเข้าถึงบริการของรัฐ ให้แก่สตรี เด็ก
เยาวชน ผู้สูงอายุ และคนพิการ

34 จัดซื้อผ้าห่มกันหนาว (ผ้าใยสังเคราะห์) 90,000
35 เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 2,892,000
36 เบี้ยยังชีพคนพิการ 324,000
37 เบี้ยยังชีพผู้ป่วยเอดส์ 66,000
38 เงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ติดเชื้อเอดส์ 110,000
39 อุดหนุนเป็นค่าจัดซื้ออาหารกลางวันให้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3 แห่ง 266,000
40 อุดหนุนค่าพาหนะนำส่งเด็กไปสถานพยาบาล 399
41 ค่าจัดซื้ออาหารเสริม(นม)ให้แก่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 186,200
42 ค่าจัดซื้ออาหารเสริม(นม) ให้แก่ โรงเรียนประถม 479,160


5. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต สตรี เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ
และคนพิการ


แนวทางการพัฒนาที่ 2 การพัฒนาส่งเสริมสุขภาพและอนามัย

43 โครงการพัฒนาสาธารณสุขมูลฐานในเขต อบต.นาสะไม หมู่บ้านละ 10,000 บาท 130,000
44 ค่าจัดซื้อสารเคมีทางวิทยาศาสตร์ น้ำยาพ่นหมอกควัน ทรายอะเบท 50,000


6. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น 70,000


แนวทางการพัฒนาที่ 1 สร้างจิตสำนึกและตระหนักถึงวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น

45 โครงการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีแห่เทียนพรรษา 40,000
แนวทางการพัฒนาที่ 2 สืบสานวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของประชาชน
46 กิจกรรมสืบสานงานประเพณีวันสงกรานต์ 30,000


7. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการกีฬาและนันทนาการ 137,500


แนวทางการพัฒนาที่ 1 สร้างสนามกีฬา , จัดหาอุปกรณ์กีฬาและจัดฝึกอบรมด้านกีฬา

47 จัดซื้ออุปกรณ์กีฬา 97,500
แนวทางการพัฒนาที่ 2 จัดการแข่งขันกีฬา
48 โครงการแข่งขันกีฬาท้องถิ่นสัมพันธ์ 10,000
49 อุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายตามโครงการจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 24 30,000

8. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการเกษตร 275,500


แนวทางการพัฒนาที่ 1 สนับสนุนกลุ่มเกษตรกร

50 โครงการส่งเสริมการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ 150,000
51 โครงการจัดซื้อโคพันธุ์ผสม จำนวน 8 ตัว 100,000
52 เครื่อง พ่นยากำจัดศัตรูพืช หรือพ่นยากำจัดหรือป้องกันเชื้อโรค 25,500
แนวทางการพัฒนาที่ 2 ส่งเสริมกิจการสหกรณ์ -

9. ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการบริหารจัดการและการบริการประชาชน 405,033


แนวทางการพัฒนาที่ 1 การบริการประชาชนอย่างเท่าเทียม

53 จัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเครื่องพรินเตอร์เลเชอร์ 44,000
54 โครงการฝึกอบรมหนึ่งตำบลหนึ่งทีมกู้ภัย 50,000
55 โครงการรักษาความปลอดภัยทางถนน เทศกาลปีใหม่ 25,000
56 โครงการรักษาความปลอดภัยทางถนน เทศกาลสงกรานต์ 25,000
57 โครงการฝึกอบรมบุคลากรและเจ้าหน้าที่ 20,000
58 ค่าจัดซื้อโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ จำนวน 3 ชุด ให้กับประธานสภาฯ,รองประธานสภาฯ, 7,500
เลขานุการสภาฯ
59 ค่าจัดซื้อชั้นวางแฟ้ม 3,933
60 ค่าจัดซื้อเต็นส์อเนกประสงค์ 100,000
61 ค่าปรับปรุงซ่อมซ่อมแซม อาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จำนวน 3 แห่ง 107,100
62 ค่าจัดซื้อโต๊ะคอมพิวเตอร์ พร้อมเก้าอี้ 2,500
แนวทางการพัฒนาที่ 2 การมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรทุกภาคส่วน
63 โครงการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยและการมีส่วนร่วมของประชาน 20,000

รวมทุกยุทธศาสตร์ 11,769,707

วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551

บทที่ 2 สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐานขององค์การบริหารส่วนตำบล

บทที่ 2 สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐานขององค์การบริหารส่วนตำบล

2.1 ขนาดและที่ตั้ง
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการยกฐานะจากสภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2540 ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 2 บ้านนาไฮ องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 90 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 56,250 ไร่ ห่างจากอำเภอตระการพืชผลเป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร มีหมู่บ้านจำนวน 13 หมู่บ้าน เป็น 1 ใน 23 ตำบล ในเขต อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี

2.2 อาณาเขต
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีอาณาเขตพื้นที่อยู่ติดกับท้องถิ่นใกล้เคียง 4 ส่วน คือ เทศบาลตำบลพระเหลา, อบต.จานลาน อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ, องค์การบริหารส่วนตำบลไหล่ทุ่ง, องค์การบริหารส่วนตำบลหนองเต่า และ องค์การบริหารส่วนตำบลเป้า ดังนี้
ทิศเหนือ - องค์การบริหารส่วนตำบลเป้า,หนองเต่า อำเภอตระการพืชผล
ทิศตะวันออก - องค์การบริหารส่วนตำบลไหล่ทุ่ง อำเภอตระการพืชผล
ทิศตะวันตก - เทศบาลตำบลพระเหลา, อบต.จานลาน อำเภอพนา จ.อำนาจเจริญ
ทิศใต้ - องค์การบริหารส่วนตำบลไหล่ทุ่ง,จานลาน


2.3 ลักษณะภูมิประเทศ
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า แอ่งโคราช (Korat basin)โดยสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 68 เมตร (227 ฟุต) ลักษณะโดยทั่วไปเป็นที่สูงสลับต่ำมีลักษณะพื้นที่ เป็นที่ราบสลับลูกคลื่นมีลำห้วยขนาดกลางไหลผ่าน

2.4 สภาพภูมิอากาศ
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม จัดอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบ Tropical Savanha : “Aw” ตามระบบจำแนกประเภท ภูมิอากาศของ Koppen คือมีช่วงความแตกต่างของฤดูฝนและฤดูแล้งอย่างชัดเจน มีช่วงกลางวันยาวในฤดูร้อนและมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงตลอดปีอยู่ภายใต้อิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ(มรสุมฤดูหนาวและฤดูแล้ง) และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (มรสุมฤดูร้อนและฤดูฝน)ลักษณะภูมิอากาศที่เด่นเฉพาะคือ เนื่องจากอยู่ใกล้ทางผ่านของพายุหมุนดีเปรสชั่น จึงทำให้มีฝนตกชุกซึ่งมีฝนตกมากกว่า 1,400-1,800มิลลิเมตร นอกจากนี้ยังมีพายุฝนฟ้าคะนองที่มีอัตราความเร็วสูงสุดเคยวัดได้ขนาด 67 - 80 นอต ซึ่งเร็วมากกว่าพายุใต้ฝุ่นที่เคยวัดได้ในจังหวัดอุบลราชธานี ลักษณะฤดูกาลโดยปกติตามมาตรฐานภูมิศาสตร์สากลจะมีเพียงฤดูเดียว คือฤดูร้อนทั้งร้อนชื้นและร้อนแห้งแล้ง แต่ถ้าจำแนกตามภูมิศาสตร์ของภูมิภาค สามารถแบ่งได้ 3 ฤดูกาล ดังนี้
ฤดูฝน เริ่มประมาณกลางเดือนพฤษภาคมไปจนถึงกลางเดือนตุลาคมและมักปรากฏเสมอว่าฝนทิ้งช่วงในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม แต่ระยะทิ้งช่วงจะไม่เหมือนกันในแต่ละปี ซึ่งในช่วงปลายฤดูฝนมักจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านหรือเข้าใกล้ ทำให้มีฝนตกชุกและบางปีอาจเกิดภาวะน้ำท่วม ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยต่อปีประมาณ 1,581 มิลลิเมตร
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ โดยอุณหภูมิจะลดลงตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไปและจะหนาวมากในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม ในฤดูนี้จะได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพัดเอาความหนาวเย็นและแห้งเข้ามาปกคลุม อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยในฤดูหนาว ประมาณ 19 องศาเซลเซียส
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม อากาศจะเริ่มร้อนขึ้นตามลำดับ และอาจมีฝนตกบ้างเป็นบางวันแต่ปริมาณไม่มากนักไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกในฤดูนี้มักจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในฤดูร้อน ประมาณ 35 องศาเซลเซียส และสูงที่สุดที่เคยวัดได้ 41.3 องศาเซลเซียส


2.5 เขตปกครอง

องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีจำนวนหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล เต็มทั้งหมู่บ้าน จำนวน 13 หมู่บ้าน

2.6 ประชากร
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีประชากรทั้งสิ้น 6,023 คน แยกเป็นชาย 2,962 คน แยกเป็น หญิง 3,061 คน จำนวนหลังคาเรือน 1,336 หลังคาเรือน

2.7 สภาพทางเศรษฐกิจ
อาชีพ ประชากรในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ประกอบอาชีพหลายอาชีพ เช่น ทำการเกษตร รับจ้างทั่วไป ค้าขาย เลี้ยงสัตว์ และรับราชการ


2.8 หน่วยธุรกิจในเขตองค์การบริหารส่วนตำบล
- ปั้มน้ำมันและก๊าซ 4 แห่ง
- อุตสาหกรรมในครัวเรือน 1 แห่ง
- โรงสี 33 แห่ง
- ร้านค้า 43 แห่ง - ตลาดนัด 1 แห่ง


2.9 (ข้อมูลส่วนบุคคล)

2.10 การศาสนา
ประชาชนในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม นับถือศาสนาพุทธเป็นส่วนใหญ่และมีสถาบันและองค์กรทางศาสนา จำนวน 7 แห่ง ดังนี้
1) วัดศิริธรรมวนาราม ตั้งอยู่ที่ บ้านนาสะไม หมู่ที่ 1
2) วัดปัจฉิมมณีวัน ตั้งอยู่ที่ บ้านนาไฮ หมู่ที่ 2
3) วัดบ้านคำผักแว่น ตั้งอยู่ที่ บ้านคำผักแว่น หมู่ที่ 3
4) วัดสุวรรณาราม ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำคำ หมู่ที่ 4
5) วัดอโนดาษ ตั้งอยู่ที่ บ้านหนองแดง หมู่ที่ 6
6) วัดอุตะกะวารี ตั้งอยู่ที่ บ้านกุดฮู หมู่ที่ 10
7) วัดบ้านสมบูรณ์ ตั้งอยู่ที่ บ้านสมบูรณ์ หมู่ที่ 8


2.11 การบริการพื้นฐาน
1) การโทรคมนาคม
1.1) ที่ทำการไปรษณีย์เอกชน จำนวน 1 แห่ง
1.2) ชุมสายโทรศัพท์ขององค์การฯ จำนวน 2 แห่ง
1.3) ตู้โทรศัพท์ จำนวน 15 ตู้
2) การไฟฟ้า
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีระบบการไฟฟ้าครอบคลุมทั่วถึงทั้งตำบล ประชากรมีไฟฟ้าใช้ครบทุกครัวเรือนทำให้ประชาชนมีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ มีเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เกือบครบทุกครัวเรือน
3) ระบบประปา
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ได้รับการบริการด้านการประปาจากระบบประปาหมู่บ้านซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก รพช. กรมโยธา และองค์การบริหารส่วนตำบล มีประปาใช้จำนวนประมาณ 1,000 ครัวเรือน และอีก จำนวน 193 ครัวเรือน มีบ่อบาดาลใช้ในครัวเรือน
4) การคมนาคม
1) ถนนคอนกรีต 25 เส้น ระยะทาง 15,000 เมตร
2) ถนนลาดยาง 4 เส้น ระยะทาง 22,000 เมตร
3) ถนนลูกรัง 15 เส้น ระยะทาง 20,000 เมตร
4) ถนนดิน 20 เส้น ระยะทาง 20,000 เมตร

2.12 การศึกษา
ในพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีโรงเรียนในพื้นที่ระดับประถมศึกษาจำนวน 4 แห่ง , โรงเรียนมัธยมศึกษา จำนวน 1 แห่ง และ ศูนย์เด็กก่อนเกณฑ์จำนวน 3 แห่ง ดังนี้
1) โรงเรียนบ้านนาไฮ ตั้งอยู่ บ้านนาไฮ หมู่ที่ 2
2) โรงเรียนบ้านหนองแดง ตั้งอยู่ บ้านหนองแดง หมู่ที่ 6
3) โรงเรียนบ้านน้ำคำ ตั้งอยู่ บ้านน้ำคำ หมู่ที่ 4
4) โรงเรียนบ้านสมบูรณ์ ตั้งอยู่ บ้านสมบูรณ์ หมู่ที่ 8
5) โรงเรียนนาสะไมพิทยาคม ตั้งอยู่ บ้านนาสะไม หมู่ 1
6) ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์วัดปัจฉิมมณีวัน ตั้งอยู่ บ้านนาไฮ หมู่ 2
7) ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์บ้านใหม่เจริญ ตั้งอยู่บ้านใหม่เจริญ หมู่ 7
8) ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์บ้านหนองแดง ตั้งอยู่บ้านหนองแดง หมู่ 6

2.13 การสาธารณสุข
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม มีศูนย์สุขภาพชุมชน ประจำตำบล 1 แห่ง คือ ศูนย์สุขภาพชุมชนบ้านน้ำคำ ตั้งอยู่ที่ บ้านน้ำคำ หมู่ที่ 4

2.14 ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่
1) ป่าไม้ชุมชน 2 แห่ง
2) ป่าช้าสาธารณะ 6 แห่ง
3) ที่เลี้ยงสัตว์สาธารณะ 5 แห่ง
4) ที่ดินสาธารณะ 21 แห่ง

2.15 ข้อมูลบุคลากร (ข้อมูลส่วนบุคคล)

2.16 รายได้ขององค์การบริหารส่วนตำบล
ประจำปีงบประมาณ 2550 เป็นจำนวน 20,400,283.26 บาท
รายได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลจัดเก็บเอง 238,442.81 บาท
รายได้ที่ส่วนราชการต่าง ๆ จัดเก็บให้ 8,782,230.85 บาท
เงินอุดหนุน 3,926,370.00 บาท
เงินอุดหนุนที่รัฐบาลให้โดยระบุวัตถุประสงค์ 7,453,239.60 บาท


2.17 ศักยภาพของชุมชนและพื้นที่
1) การรวมกลุ่มของประชาชน
- อำนวยกลุ่มทุกประเภท 28 กลุ่ม
แยกประเภทกลุ่ม
- กลุ่มอาชีพ 13 กลุ่ม
- กลุ่มออมทรัพย์ 13 กลุ่ม
- กลุ่มอื่น ๆ 3 กลุ่ม
2) จุดเด่นของพื้นที่
พื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ประกอบด้วยที่ราบมีลำห้วย ขนาดกลางไหลผ่าน มีทางหลวงแผ่นดินสองสาย เชื่อมต่อ หลายอำเภอ ทางทิศเหนืออำเภอกุดข้าวปุ้น ไปจนถึงจังหวัดมุกดาหาร ทิศตะวันตกอำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ ทิศตะวันออกจดอำเภอโขงเจียม และประเทศลาว เอื้ออำนวยต่อภาคเกษตรกรรมและการค้าอย่างยิ่ง

แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554) องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม

แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552 - 2554)
องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม
อำเภอตระการพืชผล จังหวัดอุบลราชธานี
…………………..
บทที่ 1 บทนำ
1.1 ลักษณะของแผนพัฒนาสามปี
แผนพัฒนาสามปี เป็นการแปลงแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาไปสู่การปฏิบัติ ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาหนึ่งๆ จะมีแนวทางการพัฒนาได้มากกว่าหนึ่งแนวทาง และภายใต้แนวทางการพัฒนาหนึ่ง จะมีโครงการ/กิจกรรมได้มากกว่าหนึ่งโครงการ/กิจกรรมที่จะต้องนำมาดำเนินการ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ต้องการในแต่ละยุทธศาสตร์การพัฒนา ซึ่งจะมีผลต่อวัตถุประสงค์เป้าหมาย จุดมุ่งหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน และวิสัยทัศน์ในที่สุด

1.2 วัตถุประสงค์ของการจัดทำแผนพัฒนาสามปี
แผนพัฒนาสามปี เป็นแผนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับงบประมาณรายจ่ายประจำปี กล่าวคือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ใช้การวางแผนพัฒนาเป็นเครื่องมือในการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยนำโครงการ/กิจกรรมจากแผนพัฒนาสามปี ในปีที่จะจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไปจัดทำงบประมาณ เพื่อให้กระบวนการจัดทำงบประมาณเป็นไปด้วยความรอบคอบและผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วม(Participatory) ของประชาชน

1.3 ขั้นตอนในการจัดทำแผนพัฒนาสามปี
จากการที่ได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาและแนวทางการพัฒนาในแผนยุทธศาสตร์ หลัง
จากนั้นถึงขั้นตอนในการแปลงสู่การปฏิบัติโดยการจัดทำแผนพัฒนาสามปี ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอนการจัดทำแผนพัฒนาสามปี จำนวน 7 ขั้นตอน ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 การเตรียมการจัดทำแผน
1.ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (ผู้รับผิดชอบการจัดทำแผนพัฒนา) พบผู้บริหารท้องถิ่นชี้แจง วัตถุประสงค์ ความสำคัญและความจำเป็นในการจัดทำแผนพัฒนาสามปี เพื่อให้ผู้บริหารทราบถึงภารกิจ (Mission) ที่จะต้องดำเนินการต่อไปพร้อมทั้งเสนอโครงการจัดทำแผนพัฒนาสามปี ห้วงปี 2552-2554 เพื่อให้ผู้บริหารท้องถิ่นอนุมัติ (โครงการดังกล่าวจะเป็นการกำหนดทรัพยากรในการจัดทำแผนพัฒนาสามปี และกำหนดปฏิทินการทำงานไว้อย่างชัดเจน
2. ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (ผู้รับผิดชอบการจัดทำแผนพัฒนา) แจ้งโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ ได้แก่
-คณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล
-คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล
-สำนักงานปลัด อบต. , ส่วนการคลัง,ส่วนการศึกษาและส่วนโยธา
-ประชาคม (Civil Society)

ขั้นตอนที่ 2 การคัดเลือกยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนา
1.คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล สรุปข้อมูลจากยุทธศาสตร์การพัฒนาและแนวทางการพัฒนา ปัญหาความต้องการของท้องถิ่น รวมทั้งสรุปยุทธศาสตร์การพัฒนาของจังหวัดอุบลราชธานี/อำเภอตระการพืชผล และนโยบายของผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม เพื่อนำมาเสนอต่อคณะกรรมการการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล
2.คณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล จัดการประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล ประชาคมตำบล และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาโดยในการจัดทำแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554) เพื่อเป็นกรอบในการพิจารณาจัดทำโครงการ/กิจกรรมในแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554) ต่อไป
3.เมื่อได้กำหนดแนวทางการพัฒนาแล้ว พิจารณาว่าจะมีโครงการ/กิจกรรมที่จะต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายของแนวทางการพัฒนาที่คัดเลือกเป็นกรอบในการพัฒนา
4.การพิจารณากำหนดกิจกรรม ได้แยกประเภทของโครงการออกเป็น 3 ประเภท คือ
4.1 โครงการที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ดำเนินการเอง (มีขีดความสามารถทั้งทางด้านกำลังเงิน กำลังคน วัสดุอุปกรณ์ และความรู้ทางด้านการบริหารจัดการที่จะดำเนินการได้เอง)
4.2 โครงการที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม อุดหนุนให้หน่วยงานอื่นดำเนินการ (เป็นงานที่อยู่ในอำนาจหน้าที่แต่องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ไม่ประสงค์จะดำเนินการจึงได้มอบให้หน่วยงานอื่นดำเนินการแทนโดยตั้งงบประมาณเป็นเงินอุดหนุน)
4.3 โครงการที่องค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม ขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานอื่นทั้งจากส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ (เนื่องจากเป็นโครงการใหญ่ หรือเป็นโครงการที่หน่วยงานดังกล่าวมีหน้าที่จัดบริการสาธารณะอยู่แล้ว)

ขั้นตอนที่ 3 การเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล
1.การเก็บรวบรวมข้อมูล
คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ดำเนินการสำรวจและจัดเก็บรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นต่อการจัดทำแผนพัฒนาสามปี รวมทั้งวิเคราะห์ยุทธศาสตร์การพัฒนา แนวทางการพัฒนาที่เลือก และประการสำคัญคือ ข้อมูลภายในองค์กรและข้อมูลภายนอกองค์กร เพื่อสามารถนำมาวิเคราะห์ตามหลักเทคนิค SWOT Analysis
2.การวิเคราะห์ข้อมูล
คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล ได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งในการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวจะมี 4 กิจกรรมหลักๆ คือ
2.1 การประเมินผลการพัฒนาที่ผ่านมา
2.2 การคัดเลือกยุทธศาสตร์การพัฒนา
2.3 การจัดลำดับความสำคัญของแนวทางการพัฒนา
2.4 การตัดสินใจเลือกแนวทางการพัฒนาในห้วงสามปี

ขั้นตอนที่ 4 การกำหนดวัตถุประสงค์ของแนวทางการพัฒนา
1.เมื่อได้แนวทางการพัฒนาในช่วงสามปีแล้ว ประชุมร่วมกันพิจารณาการคัดเลือกวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์การพัฒนา มาจัดทำเป็นวัตถุประสงค์ของแนวทางการพัฒนา โดยพิจารณาการคัดเลือกวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์การพัฒนาจากแผนยุทธศาสตร์การพัฒนา ที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาในช่วงสามปี โดยนำวัตถุประสงค์ดังกล่าวมาจัดทำเป็นวัตถุประสงค์ของแนวทางการพัฒนาในช่วงสามปี
2.ประชุมร่วมกันพิจารณากำหนดโครงการ/กิจกรรม การพัฒนาที่จะต้องดำเนินการตามแนวทางที่คัดเลือก

ขั้นตอนที่ 5 การจัดทำรายละเอียดโครงการ/กิจกรรมการพัฒนา
คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบลพิจารณาการคัดเลือกโครงการที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาในช่วงสามปีมาจัดทำรายละเอียดโครงการ ในด้านเป้าหมาย ผลผลิต ผลลัพธ์ งบประมาณ ระยะเวลา ผู้รับผิดชอบ และตัวชี้วัดความสำเร็จโดยเน้นรายละเอียดของกิจกรรมที่จะดำเนินการในปีแรก (พ.ศ.2552) ของแผนพัฒนาสามปี เพื่อสามารถนำไปจัดทำข้อบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2552 ได้ต่อไป

ขั้นตอนที่ 6 การจัดทำร่างแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554)
1.คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล จัดทำร่างแผนพัฒนา สามปี (พ.ศ.2552-2554) โดยมีเค้าโครงร่างประกอบด้วย 7 ส่วนดังนี้
ส่วนที่ 1 บทนำ
ส่วนที่ 2 สภาพทั่วไปและข้อมูลพื้นฐานขององค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม
ส่วนที่ 3 สรุปผลการพัฒนาท้องถิ่นในปีที่ผ่านมา
ส่วนที่ 4 ยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาในช่วง สามปี
ส่วนที่ 5 บัญชีโครงการพัฒนา
ส่วนที่ 6 การติดตาม และประเมินผลการนำแผนพัฒนาสามปีไปปฏิบัติ
2.คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล จัดเวทีประชาคม ซึ่งในการประชาคมนั้นประกอบด้วย คณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล ประชาคมตำบล และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ในการเสนอร่างแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554) และรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ในการปรับปรุงแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554)ให้สมบูรณ์ต่อไป
3.คณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล นำร่างแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554) ที่ผ่านการประชาคมตำบลที่ปรับปรุงแล้วเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล เพื่อพิจารณา

ขั้นตอนที่ 7 การอนุมัติและประกาศใช้แผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554)
1.คณะกรรมการพัฒนาองค์การบริหารส่วนตำบล เสนอร่างแผนพัฒนาสามปี (พ.ศ.2552-2554) ที่ผ่านการพิจารณาให้ผู้บริหารท้องถิ่น (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล) เสนอต่อสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม
2.ผู้บริหารท้องถิ่น (นายกองค์การบริหารส่วนตำบล) นำร่างแผนพัฒนาสามปีที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนตำบลนาสะไม
3.ประกาศใช้แผนพัฒนาสามปี และนำไปปฏิบัติ และแจ้งให้สภาองค์การบริหารส่วนตำบล คณะกรรมการพัฒนาจังหวัด (กพจ.) คณะกรรมการพัฒนาอำเภอ (กพอ.) คณะกรรมการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น คณะอนุกรรมการประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น ทราบ และประกาศให้ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทราบโดยทั่วกัน

1.4 ประโยชน์ของการจัดทำแผนพัฒนาสามปี
ในการจัดทำแผนพัฒนาสามปีขององค์การบริหารส่วนตำบลนั้น เป็นการพิจารณาและกำหนดแนวทางปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายที่พึงประสงค์ และเป็นการคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆในอนาคต และตัดสินใจเลือกแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด โดยผ่านกระบวนการคิดก่อนทำ (ความพยายามที่เป็นระบบ) เป็นการลดความไม่แน่นอนและปัญหาความยุ่งยากซับซ้อนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต, ทำให้เกิดการยอมรับแนวคิดใหม่ๆเข้ามาในองค์การ, ทำให้การดำเนินการขององค์การบรรลุถึงเป้าหมายที่ปรารถนา, ลดความสูญเปล่าของหน่วยงานที่ซ้ำซ้อนเพราะการวางแผนทำให้มองเห็นภาพรวมขององค์การที่ชัดเจน และยังเป็นการอำนวยประโยชน์ในการจัดระเบียบขององค์การให้มีความเหมาะสมกับลักษณะงานมากยิ่งขึ้น และทำให้เกิดความแจ่มชัดในการดำเนินงาน เนื่องจากการวางแผนเป็นการกระทำโดยอาศัยทฤษฎี (Theory) หลักการ (Concept) และงานวิจัยต่างๆ (a rational approach) มาเป็นตัวกำหนดจุดมุ่งหมาย และแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนในอนาคต กล่าวได้ว่า ไม่มีองค์กรใดที่ประสบความสำเร็จได้ โดยปราศจากการวางแผน ดังนั้นการวางแผนจึงเป็นภารกิจอันดับแรกที่มีความสำคัญของกระบวนการจัดการที่ดี และการวางแผนพัฒนาสามปีที่ดีย่อมส่งผลให้เกิดประโยชน์ดังต่อไปนี้
1.บรรลุจุดมุ่งหมาย (Attention of Objective) มีทิศทางไปยังจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้โดยอย่างสะดวกและเกิดผลดี
2.ประหยัด (Economic Operation) ทำให้ฝ่ายต่างๆมีการประสานงาน มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่างๆ อย่างคุ้มค่า เป็นการลดต้นทุนก่อให้เกิดการประหยัดแก่องค์กร
3.ลดความไม่แน่นอน (Reduction of Uncertainty) การวางแผนที่มีประสิทธิภาพเป็นผลมาจากการวิเคราะห์พื้นฐานของข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นแล้ว ทำการคาดคะเนเหตุการณ์ในอนาคต และได้หาแนวทางพิจารณาป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นไว้แล้ว
4.เป็นเกณฑ์ในการควบคุม (Basis of Control) ถ้าไม่มีการวางแผนก็ไม่สามารถมีการควบคุม กล่าวคือ แผนกำหนดจุดมุ่งหมายและมาตรฐานการปฏิบัติงานในหน้าที่การควบคุม
5.ส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมและการสร้างสรรค์ (Encourages innovation and Creativity)การวางแผนเป็นพื้นฐานด้านการตัดสินใจและเป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดแนวความคิดใหม่ๆ (นวัตกรรม) และความคิดสร้างสรรค์
6.พัฒนาแรงจูงใจ (Improves Motivation) การวางแผนยังเป็นเครื่องมือฝึกและพัฒนาแรงจูงใจที่ดีสำหรับผู้บริหารในอนาคต
7.พัฒนาการแข่งขัน (Improves Competitive Strength) การวางแผนจะเกี่ยวข้องกับการขยายขอบข่ายการทำงาน เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน ปรับปรุงสิ่งต่างๆให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
8.ทำให้เกิดการประสานงานที่ดี (Better Coordination) กิจกรรมต่างๆที่จัดวางไว้มุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกันมีการจัดประสานงานในฝ่ายต่างๆขององค์การเพื่อหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนในงานแต่ละฝ่ายขององค์การบริหารส่วนตำบล


**********************************